ถ้าใครอยากมันส์แบบเบาสมอง ไม่เน้นเหตุผลอะไรมากมาย ก็จัดเรื่องนี้ได้เลยครับ
ถ้าใครอยากมันส์แบบเบาสมอง ไม่เน้นเหตุผลอะไรมากมาย ก็จัดเรื่องนี้ได้เลยครับ
ส่วนตัวมองว่าถ้าหนังจบลงในภาค 7 น่าจะเป็นอะไรที่พอดีและสวยงามครับ แต่ในเมื่อเขาทำออกมาเราก็มีหน้าที่ตามดูไปน่ะนะครับ นี่ก็ไปเข้าไป 10 ภาคแล้ว ไหนจะภาคแยกอีก แล้วก็รอดูภาค 11 กันต่อไปเพราะหนังจบแบบทิ้งท้ายให้เราตามดูต่ออีก
ใครอยากดูหนังแอ็คชั่นเอามันส์เอาฮานี่ผมแนะนำเรื่องนี้เลยครับ มันบ้าบอสนุกสนานโดนเส้นผมจริงๆ
หนังบู๊ที่เฮียเฉินหลงได้มาเจอกับ John Cena ครับ เนื้อหาว่าด้วยหน่วยรบพิเศษที่ได้รับภารกิจไปอพยพพนักงานในโรงกลั่นแห่งหนึ่งให้สามารถหนีมายังเขตปลอดภัย แต่ก็แน่นอนล่ะครับว่าระหว่างทางนั้นพวกเขาก็ต้องเจอกับอุปสรรคสารพัด ไหนจะมีวายร้ายที่มาพร้อมแผนการใหญ่อีก งานนี้ก็เลยต้องมีการสู้ฟัดกันตามระเบียบครับ
เมสัน เพตทิตส์ (John Cena) อดีตทหารที่พลิกมาเป็นทนายและมีครอบครัวเล็กๆ น่ารัก แต่เขาก็รู้สึกว่าชีวิตช่างจำเจเหลือเกิน แล้วเซบาสเตียน (Christian Slater) เพื่อนเก่าก็ทาบทามให้เขากลับมาลงสนามอีกครั้ง โดยรับหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดให้กับนักข่าวสาวแคลร์ เวลลิงตัน (Alison Brie) ที่กำลังจะเสี่ยงภัยไปสัมภาษณ์ประธานาธิบดีเวเนกัสของพัลโดเนีย (Juan Pablo Raba)
ดู Fast & Furious 9 ด้วยใจไร้คาดหวังตามเคยครับ ว่าตามจริงคือผมไม่ถึงกับเป็นแฟนหนังชุดนี้ คือดูทุกภาคได้แบบเพลินๆ มาชอบมากหน่อยก็ภาค 5 และ 6 ต่อด้วย 7
ที่เขาว่ากันว่า “ความคิดมีผลต่อทิศทางของชีวิตเรา” นั้น ถือว่าจริงไม่ใช่น้อยเลยครับ
ผมเชื่อเสมอครับว่าหนังสักเรื่องจะเด็ดไหม มันมีอะไรมากกว่าเรื่องของทุน หรือเรื่องของความยิ่งใหญ่ เพราะบางเรื่องตัวละครน้อยๆ สถานที่จำกัดก็สามารถเป็นหนังที่ดูสนุก ออกรส น่าจดจำได้มากกว่าหนังใหญ่โตโอฬารบางเรื่องเสียอีก
ส่าบาย ส่าบาย (สบายน่ะแหละครับ เขียนให้อ่านออกเสียงสนุกๆ หน่อย) ดูหนังเรื่องนี้ก็ด้วยอารมณ์ส่าบายครับ เอาบู๊ เอามันส์ ไม่คาดคิดจะได้ดูอะไรมีสาระอยู่แล้ว