ภาค 6 ของหนังชุดนี้ครับ หนนี้ แบรนดอน เบ็คเกตต์ (Chad Michael Collins) และมิลเลอร์ (Billy Zane) ได้รับมอบหมายจากท่านผู้พัน (Dennis Haysbert) บอสของพวกเขาให้ยกทีมไปช่วยป้องกันการสร้างท่อน้ำมันทรานจอร์เจี้ยน แต่แล้วในปฏิบัติการครั้งนี้ฝ่ายของเบ็คเกตต์มีการบาดเจ็บล้มตาย โดยผู้ลงมือสังหารก็คือสไนเปอร์ไร้เงาที่รู้ตำแหน่งของพวกเขาอย่างแม่นยำ ทำให้เบ็คเกตต์ต้องหาคำตอบว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้น
ผมสงสัยเสมอว่าทำไม Sin City: A Dame to Kill For ถึงทำรายได้ไม่สวยเลย (ทำไป $39 ล้านจากทั่วโลก ในขณะที่ทุนนั้นปาเข้าไป $65 ล้าน)
แล้วหนังเรื่องนี้ก็ทำมาถึงภาคที่ 5 แล้วครับ แม้ภาคแรกจะไม่ได้ดังอะไรมาก แล้วภาคต่อๆ มาก็ถูกทำลงแผ่นทั้งหมดก็เถอะ แต่ก็เหมือนจะยังมีคนตามดูอยู่ล่ะครับ ถึงมีการทำออกมาอีกเรื่อยๆ (ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้นนั่นเอง 555)
ไอเดียของหนังเรื่องนี้มันทำให้นึกถึงมุกขำๆ เกี่ยวกับความฝันที่คนฝรั่งชอบเล่ากันน่ะครับ ประมาณว่า “ฉันฝันว่าฉันไปโรงเรียน แล้วจู่ๆ เสื้อผ้าก็หายไป” หรือ “ฉันฝันว่าไปงานแต่งงาน แต่ฉันดันโป๊อยู่” เป็นต้น
หนังเอาฮาที่ดูได้เรื่อยๆ ครับ อาจไม่ได้สุดยอด ไม่ได้ฮาแตกตลอดเรื่อง ว่ากันจริงๆ คือมีช่วงช้าๆ อืดๆ บ้าง แต่ว่ากันโดยรวมแล้วก็ไม่ได้แย่แต่อย่างใด ดูเอาสนุกแก้ขัดได้น่ะครับ
ลูเธอร์ วิทนี่ย์ (Clint Eastwood) คือตีนแมวลายครามที่ขโมยของที่หมายตาได้ทุกครั้ง และการขโมยครั้งล่าสุดก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรครับ แค่เล็งสถานที่ไว้ ดูจังหวะให้เหมาะ แล้วก็ดอดเข้าไปฉวยของออกมาจากคฤหาสน์ของมหาเศรษฐีรายหนึ่ง
ภาพยนตร์คุณภาพที่รวมเอาดาราระดับยอดฝีมือไว้อย่างเพียบ เนื้อหาว่าด้วย นายตำรวจอย่างวินเซนต์ ฮานนา (Al Pacino) ที่ต้องมาเจอกับขบวนการโจรยอดฝีมือที่นำโดย นีล (Robert De Niro) และขณะนี้พรรคพวกของนีลกำลังเตรียมแผนปล้นครั้งยิ่งใหญ่ โดยมีวินเซนต์คอยตามติด
หมื่นทิพ's Review 