
สำหรับผมแล้ว จุดเด่นของหนังชุด Kung Fu Panda คือภาพสวยๆ ของธรรมชาติแบบย้อนยุคแล้วก็เจือกลิ่นอายลายเส้นอันเปี่ยมเสน่ห์ของจีนน่ะครับ
สำหรับผมแล้ว จุดเด่นของหนังชุด Kung Fu Panda คือภาพสวยๆ ของธรรมชาติแบบย้อนยุคแล้วก็เจือกลิ่นอายลายเส้นอันเปี่ยมเสน่ห์ของจีนน่ะครับ
ภาคแรกทำผมประทับใจไว้เยอะครับ ดังนั้นก่อนดู Pitch Perfect 2 ผมก็แอบคาดหวังเป็นธรรมดา ไหนจะโกยเงินถล่มทลายซะขนาดนั้น (แต่โดยส่วนตัวคิดว่าที่ภาคนี้ทำเงินอย่างใหญ่ ก็เพราะบุญเก่าที่ภาคแรกสะสมไว้ส่วนหนึ่ง)
ตามปกติสารภาพเลยนะครับว่าพวกหนังการ์ตูนหรือแอนิเมชั่นเนี่ยจะได้สตางค์จากกระผมก็ต่อเมื่อออกแผ่นแล้วมากกว่า ยกเว้นของเขาต้องเด็ดจริงอย่างสารพัดการ์ตูนจาก Pixar หรือโดราเอมอนตอนพิเศษ พวกนี้ไว้ใจได้ เลยกล้าไปดู แต่นอกนั้นแม้เขาจะว่าดีอย่างไรก็อดใจรอแผ่นครับ
เรื่องนี้ผมสนใจตั้งแต่ก่อนเข้าโรงแล้วครับ เพราะหนังมาพร้อมพล็อตที่น่าสนใจดี คิดดูสิครับ เมื่อวายร้ายที่มีบทบาททำลายโลกและชนกับซูเปอร์ฮีโร่ ดันต้องมาออกโรงพิทักษ์โลกแทน ซึ่งวายร้ายที่ว่าก็มีนามว่า เมกะมายด์ (Will Ferrell) ครับ เป็นคู่อาฆาตของฮีโร่ประจำเมืองอย่าง เมโทรแมน (Brad Pitt) มานานแสนนาน
ภาคต่อที่อาจจะไม่ลงตัวกลมกล่อมเท่าภาคแรก (รวมถึงสนุกไม่มากเท่าภาค 3) แต่ก็ยังถือว่าดูเอาเพลินและเอาฮาได้โอเคในระดับหนึ่ง
เป็นหนังฮาย้อนยุคโดยผู้กำกับ Harold Ramis แห่ง Groundhog Day และ Analyze This ครับ แต่สารภาพเลยว่าตอนดูผมนั่งฮากริบแบบคาดไม่ถึง
นี่คือหนังตลกที่ดังตั้งแต่ยังไม่สร้างเพราะเฮีย Jim Carrey ได้ทุบสถิติใหม่รับค่าตัวไป 20 ล้านจากหนังเรื่องนี้ แต่ตัวหนังกลับไม่ถูกใจผู้ชมเท่าที่ควรครับ ทำเงินได้คืนมาจากทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านเหรียญเท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าพอเท่าทุน (ลงไป 47 ล้านน่ะครับ ถ้าตัดค่าตัวเฮียแกออก หนังก็จะลงทุนไม่เกิน 30 ล้านเท่านั้น)
อืมม์ ไม่น่าเชื่อนะครับว่าหนังจะมีอายุ 20 ปีแล้ว ตอนนั้นเราทำอะไรอยู่น้า อิอิ แอบนั่งรำลึกถึงความหลังนิดหน่อย ก่อนจะปลงสังขารว่าอายุเริ่มเยอะแล้วเรา