
The Hindenburg สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงว่าด้วยภัยพิบัติทางอากาศยานครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของโลกครับ
The Hindenburg สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงว่าด้วยภัยพิบัติทางอากาศยานครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของโลกครับ
หนังบ้านผีสิงภายใต้การกำกับของ Dan Curtis นักสร้างหนังแนวเหนือธรรมชาติที่มีฝีมือมากที่สุดคนหนึ่งแห่งยุค 70 เนื้อหาว่าด้วยพ่อแม่ลูก (Oliver Reed, Karen Black และ Lee Montgomery) พร้อมด้วยคุณป้าอลิซาเบธ (Bette Davis) ตัดสินใจเช่าบ้านทรงวิคตอเรียนแสนสวยเพื่อพักผ่อนตากอากาศในวันหยุด ที่นั่นก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมทั้งสวนสวย สระว่ายน้ำ เรียกว่าเป็นบ้านในฝันก็คงไม่ผิดอะไรครับ
แม้นี่จะถือว่าเป็นภาคต่อของ The Blob ฉบับปี 1958 ที่ Steve McQueen เคยแสดงไว้ แต่ดูไปดูมาก็เหมือนจะเป็นการรีเมค The Blob ใหม่น่ะครับ เพราะหนังมีฉากหนึ่งที่มีตัวละครดูนั่งดูทีวีเรื่อง The Blob ปี 1958 อยู่
สองอาทิตย์ก่อนผมแนะนำให้คุณได้รู้จักกับ Dr. Terror’s House of Horrors (1965) หนังสยองแนวเรื่องสั้นหลายๆ เรื่องมาใส่ไว้ในเรื่องเดียว อันเป็นผลงานจากค่ายหนังอังกฤษที่ชื่อ Amicus Productions ซึ่งเป็นคนละค่ายกับ Hammer Film นะครับบอกไว้ก่อน เพราะคนชอบสับสนเนื่องจากสองค่ายนี้มีหนังแนวสยองออกมาบ่อย และดาราในเรื่องก็ชอบใช้บริการ Christopher Lee หรือไม่ก็ Peter Cushing ประจำ
ตอนก่อนๆ ถ้าท่านอ่านกันน่ะนะครับ จะเห็นว่าผมชมในเรื่องการเขียนบทของพี่ Sylvester Stallone ในภาคแรกนั้น บทหนังมันสมบูรณ์ครับ เรียบง่ายแต่สมบูรณ์ ส่วนภาคสองก็ป็นส่วนเสริมจากภาคแรก พอมาภาคสามพี่แกก็ฉลาดพอที่จะเปลี่ยนแนวให้กับหนังโดยเพิ่มความมันส์ลงไป พอมาภาคสี่แกก็ผูกเรื่องจากภาคสามมาสร้างเงื่อนไขทางอารมณ์ให้กับคนดู ซึ่งถ้าดูจากสี่ภาคแรกนี่ ยอมรับว่าแกก็มีฝีมือนะครับ
แต่พอมาภาคห้าเท่านั้นแหละ ผมถึงแก่ความงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่สไลเนี่ย
แม้ภาคที่แล้วจะประสบความสำเร็จไปพอประมาณ แต่ก็ยังนับว่าน้อยกว่าภาคแรกนะครับ และแนวหนังมันก็เริ่มย่ำวนอยู่กับที่แล้วด้วย ซึ่งดูท่าว่า Sylvester Stallone จะเล็งเห็นในเรื่องนี้เหมือนกัน ทีนี้พอเขาคิดจะทำตอนต่อ เขาเลยจัดการเขียนบทในแนวเรื่องใหม่ นั่นคือจับเรื่องเป็นแนวบู๊เต็มตัวครับ เพื่อทำให้เรื่องร็อคกี้มันแปลกใหม่ขึ้น คนดูจะได้กลับมาดูมากขึ้นอะไรทำนองนั้นน่ะนะครับ และนั่นก็เป็นการกระทำที่ถูกต้องทีเดียว
ภาคแรกดังครับ ได้เงินไปร้อยกว่าล้าน ได้ออสการ์อีกต่างหาก ถ้าไม่ทำภาคต่อเนี่ย จะนับว่าผิดกาลเทศะอย่างรุนแรงทีเดียว
มันก็จริงนะครับที่หลังๆ มานี่ผลงานของพี่ Sylvester Stallone จะไม่ค่อยประสบความสำเร็จและไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ แต่ผมก็เป็นคนหนึ่งครับที่ยังบ้าดูผลงานของพี่แกอยู่เรื่อยๆ แม้ว่าคนจะด่ายังไงก็เหอะ ซึ่งคนละเหตุผลกับที่ผมบ้าดูหนังของพี่ Steven Seagal นะครับ ขานั้นน่ะผมดูเอาฮามากกว่า แต่การที่ผมยังดูหนังของพี่สไลอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็เพราะหนังเรื่องนี้นี่แหละ
และนี่คือหนังที่ถือโอกาสสร้างออก […]