
ดูจบไปแล้วหนึ่งรอบครับ และคงต้องซ้ำอีกรอบในเวลาไม่นาน ถ้าถามว่าชอบไหม ก็ตอบได้ว่า “ผมชอบนะ” หนังจัดว่าสนุกดีแม้จะกินเวลา 4 ชั่วโมงก็เถอะ แต่หากใครที่ชื่นชอบเรื่องราวของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ของ DC ผมว่าหนังน่าจะคุ้มเวลาในการดูสำหรับท่านครับ
ดูจบไปแล้วหนึ่งรอบครับ และคงต้องซ้ำอีกรอบในเวลาไม่นาน ถ้าถามว่าชอบไหม ก็ตอบได้ว่า “ผมชอบนะ” หนังจัดว่าสนุกดีแม้จะกินเวลา 4 ชั่วโมงก็เถอะ แต่หากใครที่ชื่นชอบเรื่องราวของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ของ DC ผมว่าหนังน่าจะคุ้มเวลาในการดูสำหรับท่านครับ
ตามปกติหนังดราม่าจะให้คนซึมลึกไปกับเหตุการณ์และสิ่งที่ตัวละครรู้สึก วางพล็อตเตรียมฉากต่างๆ ร้อยเรียงนำพาอารมณ์คนดูไปยังทิศทางที่คนทำต้องการ… แต่หนังดราม่าสไตล์ป๋า Tim Burton ไม่ใช่อะไรแบบนั้นครับ
American Hustle เป็นหนังว่าด้วยการหลอก การตุ๋น แต่มันไม่ใช่หนังโจรกรรมแบบ Ocean’s Eleven ครับ แต่เป็นหนังว่าด้วยชีวิตนักตุ๋นกลุ่มหนึ่ง ที่ต่างคนต่างก็มีปมของตนเอง และปมเหล่านั้นก็ส่งผลต่อชีวิตและงานของพวกเขา อีกทั้งนำมาสู่เรื่องวุ่นวายสารพัด
ระยะหลังมานั่งนึกๆ ว่าหนังแบบไหนที่จะโดนใจเราหลังดูจบ ก็ตระหนักได้ว่ามีอยู่ 2 จำพวกใหญ่ๆ ครับ ได้แก่ พวกแรก “ดีต่อใจ” ที่ดูแล้วอิ่มเอมเปรมปรีดิ์ ดูแล้วได้สารอาหารทางใจไปใช้ในการดำเนินชีวิตต่อ รวมถึงได้แง่คิดดีๆ ไว้ใช้เป็นทางออกยามชีวิตเกิดปัญหา
Catch Me If You Can เป็นหนังที่กลมกล่อมจนน่ายกนิ้ว จริงๆ พล็อตมันดราม่ามากนะครับ รันทดเอาการเลย ชีวิตของแฟรงค์ อบาเนล (Leonardo DiCaprio) จัดว่าน่าเห็นใจครับ และสิ่งต่างๆ ที่เกิดก็ส่งผลให้เขาเลือกเส้นทางของนักตุ๋นในที่สุด
เมื่อพิจารณาดีๆ แล้วก็พบว่าหนังไซไฟว่าด้วยมนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลกเรื่องนี้สามารถทำออกมาเป็นหนังวิทยาศาสตร์ผสมระทึกบวกด้วยไขปมปริศนาได้… แต่ทีมงานไม่ได้เลือกจะเล่าไปในทิศทางนั้นครับ
หลายคนถามกันเข้ามาว่าดูหรือยัง เลยขอจัดให้ตามคำขอนะครับ และในเบื้องต้น บอกได้เลยว่าหนังดูเวิร์กกว่าตอนฉายโรงมากพอสมควร คือไอ้อะไรต่อมิอะไรที่ควรจะมีแต่ดันไม่มีในฉบับโรง ก็ได้รับการใส่ลงมาในฉบับนี้
อันว่าความเหงา เป็นเรื่องที่เล่าได้ยาก
ตอนไม่เหงาก็คือไม่เหงา แต่พอเหงาเท่านั้นล่ะ… เหงาเลย
เพิ่งมาพบว่าหนังที่ผมเอามาดูซ้ำบ่อยที่สุดเมื่อปีที่แล้วคือ Man of Steel จะว่าชอบก็ใช่ แต่มุมที่ไม่ชอบก็มีเหมือนกัน