
ผมว่า The Monuments Men เป็นหนังที่มีความหมายนะครับ กับการจับเอาเรื่องราวในประวัติศาสตร์ว่าด้วยคนกลุ่มหนึ่งพยายามปกป้องศิลปวัตถุให้รอดพ้นจากภัยสงคราม
ผมว่า The Monuments Men เป็นหนังที่มีความหมายนะครับ กับการจับเอาเรื่องราวในประวัติศาสตร์ว่าด้วยคนกลุ่มหนึ่งพยายามปกป้องศิลปวัตถุให้รอดพ้นจากภัยสงคราม
ผมเพลินกับ That Awkward Moment มากกว่าที่คิดครับ ^_^ อาจเพราะหนังมันเข้าทางผมพอดีก็ได้
50 to 1 สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงของกลุ่มคาวบอยหนุ่มเจ้าของม้าที่ชื่อ Mine That Bird ซึ่งเป็นม้ารองบ่อนที่ไม่มีใครสนใจครับ ครั้นพอได้เข้าแข่งเคนตั๊กกี้ เดอร์บี้ (งานแข่งม้าที่ใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของอเมริกา) มันก็ถูกมองว่าต้องแพ้แหงๆ ทำให้อัตราต่อรองม้าตัวนี้อยู่ที่ 50 ต่อ 1 เท่านั้น
Horns จะว่าไปก็ดูเพลินดีนะครับ รสชาติมันผสมๆ ระหว่างสยองขวัญ ระทึกขวัญ แล้วก็ตลกร้าย แม้อาจไม่ถึงกับกลมกล่อมไปเสียทั้งหมด แต่หนังก็มี “รสชาติความแปลก” แทรกลงมาให้รู้สึกโอเคกับมันได้อยู่ (หมายถึงถ้าเราชอบรสแปลกๆ นั่นน่ะนะครับ)
The Lucky One อีกหนึ่งหนังโรแมนติกจากปลายปากกาของ Nicholas Sparks เจ้าพ่อนิยายรักครับ ผลที่ได้ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหนังรักที่น่าพอใจ
The Wedding Ringer อาจเหมือนเป็นการเอา Hitch และ I Love You, Man มาเล่าใหม่นะครับ แต่ถ้ามองในแง่หนังฮาแล้วล่ะก็ หนังก็ถือว่าตอบโจทย์และคลาดเครียดได้อย่างน่าพอใจ (สำหรับผมก็ถึงขั้น “น่าพอใจมาก” เลยล่ะครับ)
หน้าหนังของ Stonehearst Asylum มันชวนให้รู้สึกว่าหนังต้องออกมาลึกลับ ระทึก อารมณ์ประมาณ Shutter Island (ยิ่งลุง Ben Kingsley ตามเล่นก็ยิ่งใช่เลย)
ใน Rio 2 หนังก็เล่าต่อจากภาคแรกครับ คราวนี้เจ้าบลูกับจีเวลก็ครองรักกันจนมีลูกออกมา 3 ตัว แล้วก็พอดีมีข่าวว่าในป่าลึกของอเมซอนยังอาจมีฝูงนกมาคอว์สีน้ำเงินหลงเหลืออยู่ พวกมันก็เลยเดินทางไปด้วยความมุ่งหมายว่าอาจจะเจอพ่อแม่อยู่ที่นั่นก็ได้
Mr. Peabody & Sherman คือหนังการ์ตูนดูเพลินเจริญจิตอีกเรื่องครับ ว่าด้วยมิสเตอร์พีบอดี้ คุณหมาอัจฉริยะที่รับเลี้ยงหนูน้อยเชอร์แมนเอาไว้ แล้วก็เลี้ยงดูสอนสั่งให้เขาเป็นคนดี พร้อมทั้งพาเชอร์แมนท่องเที่ยวข้ามกาลเวลาเพื่อเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตและประวัติศาสตร์ต่างๆ ของมนุษยชาติ
Cleveland Abduction สร้างจากเรื่องจริงของ มิเชลล์ ไนท์ (Taryn Manning) ผู้หญิงที่โดนชายชื่อ แอเรียล คาสโตร (Raymond Cruz) จับตัวไปกักขังและขืนใจกว่า 11 ปี