คราวนี้เบิร์ต กัมเมอร์ (Michael Gross) ต้องไปฟัดกับพวกแกรบบอยด์ที่อาร์คติกครับ โดยมีเจ้าลูกชายตัวแสบทราวิส (Jamie Kennedy) ตามไปประกบด้วย
คราวนี้เบิร์ต กัมเมอร์ (Michael Gross) ต้องไปฟัดกับพวกแกรบบอยด์ที่อาร์คติกครับ โดยมีเจ้าลูกชายตัวแสบทราวิส (Jamie Kennedy) ตามไปประกบด้วย
ว่าตามจริงหนังก็ไม่ได้แย่นะครับ สำหรับผมมันก็ยังดูได้เรื่อยๆ เพียงแค่มันไม่ได้สนุกอะไรมากมาย เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่เล่นกับสูตรเดิมๆ แล้วก็ยังปรุงรสได้ไม่เข้าที่ หนังเลยออกแนวจืด แต่ถ้าถามผมแล้ว ผมว่าผมยังเพลินกับเรื่องนี้มากกว่า Morbius นะ
หลังจากความพยายามในการสร้างหนัง Remo Williams จอใหญ่ให้เป็นเจมส์ บอนด์แห่งอเมริกากลับลงเอยด้วยความล้มเหลว แต่ผู้สร้างก็ยังเดินห้าต่อครับ ทำเป็นหนังใหญ่ไม่ได้ก็ทำเป็นซีรี่ส์แทน ผลก็เลยออกมาเป็นเรื่องนี้
เป็นหนังอีกเรื่องที่ผมสงสัยมานานว่าทำไมคนถึงบ่นกันเยอะจัง คะแนนตามเว็บต่างๆ ก็ไม่สวยสักเท่าไร เลยขอลองดูสักครั้งครับว่าหนังมันเป็นอย่างไรกัน
เรื่องนี้เห็นโปสเตอร์มานานมาก ที่เตะตาก็คือ เฮียหลอเจียเหลียง แห่งหนังชุดเข้มข้นอมตะ เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ขึ้นหน้าอยู่หรา แต่ก็สารภาพว่าใจนั้นมันมองเชิงลบไปแล้วน่ะครับว่าหนังคงไม่ค่อยเวิร์กล่ะกระมัง
มาอีกหนึ่งแล้วครับ หนังที่จับเอาเรื่องเล่าทางเน็ตมาต่อเสริมเติมแต่ง ซึ่งก็คือเรื่องเกมลิฟต์มรณะ ที่ท้าคนที่อยากลองของให้ไปลองกดลิฟต์ตามลำดับขั้น แล้วหากทำถูกต้องคนผู้นั้นก็จะได้เผชิญหน้ากับผี ซึ่งผู้เล่นต้องห้ามมองเธอเป็นอันขาด หากขืนมองล่ะก็ ชีวิตก็จะหาไม่ทันที
มีฆาตกรไล่ฆ่าวัยรุ่นครับ มันจะสวมหน้ากากเป็นรูปหน้าของคนที่จะฆ่า และก่อนลงมือมันจะขุดเอาความลับของคนผู้นั้นออกมาเปิดเผย แล้วตัวเอกของเรื่องอย่างมาคานี่ ยัง (Sydney Park) และผองเพื่อนก็ต้องหาคำตอบว่าใครคือฆาตกร ก่อนที่พวกเขาจะตกเป็นเหยื่อรายต่อไป
เห็นว่าได้รับความนิยมขึ้นอันดับ 1 ในบ้านเรา (ในวันนั้น) แล้วมีพากย์ไทยด้วย ก็เลยจัดซะครับ
ก่อนดูหนังเรื่องนี้ผมตั้งใจสูดหายใจลึกๆ 3 หน แต่พอรู้ตัวอีกทีนี่ผมน่าจะสูดไปเป็นสิบหนน่ะครับ ในหัวนี่ล้างสมองล้างความคาดหวังทุกอย่างแล้วคิดว่าดูหนังแอ็คชั่นแฟนตาซีสักเรื่องหนึ่ง โดยพยายามไม่นึกถึงเซนต์เซย่า
Disquiet เป็นหนังลึกลับซ่อนปริศนาหลอนๆ ครับ บอกได้คร่าวๆ ว่าถ้าใครผ่านหนังแนวนี้มาเยอะๆ ก็อาจจะเดาได้ และอาจเฉยกับหนัง ในขณะที่ผมนั้นก็ดูไปกรอไปเหมือนกันครับ เพราะจังหวะการเดินเรื่องค่อนข้างช้าไปนิด โดยส่วนตัวผมว่าหนังเหมาะกับการทำเป็นตอนสั้นๆ ลงใน The Twilight Zone น่ะครับ สัก 45 นาทีคงพอดี ทีนี้พอยืดเรื่องให้ยาวมันเลยมีส่วนเกินที่ทำให้หนังดูเยิ่อเย้อ ไม่เร้าระทึกอย่างที่ควรจะเป็น