สำหรับ Cyborg ก็ปเนเรื่องราวของโลกอนาคตที่เหลวแหลกครับ บ้านเมืองโดนทำลายเหลือเพียงซากปรักหักพัง แล้วก็มีกลุ่มวายร้ายตั้งตนเป็นใหญ่คอยทำลายความสงบของประชาชนที่เหลืออยู่ พวกมันนำโดย เฟรเดอร์ เทรโมโล (Vincent Klyn)
สำหรับ Cyborg ก็ปเนเรื่องราวของโลกอนาคตที่เหลวแหลกครับ บ้านเมืองโดนทำลายเหลือเพียงซากปรักหักพัง แล้วก็มีกลุ่มวายร้ายตั้งตนเป็นใหญ่คอยทำลายความสงบของประชาชนที่เหลืออยู่ พวกมันนำโดย เฟรเดอร์ เทรโมโล (Vincent Klyn)
น้องๆ ก็ Request มาให้ดูซะทีน่ะนะครับ เลยเช่ามาดูเพื่อรีวิวซะเลย ซึ่งยังไงๆ แม้มันจะดูเห่ย แต่ก็ต้องดูอยู่ดีล่ะครับตามหน้าที่ ก็เล่นดูตามมาตั้ง 3 ภาคแล้ว ลองว่ามีภาค 4 กับ 5 โผล่มาก็ต้องขอดูให้ครบๆ จะได้ไม่มีเรื่องค้างคาใจ
สำหรับเรื่อง Boo นี่ผมก็เล็งว่าจะดูมานานเหมือนกันนะครับ ตอนนั้นปีก่อนไปท่องในเน็ทแล้วก็ไปโหลดตัวอย่างมาดู ก็รู้สึกว่าไม่เลวนะ ทำท่าว่าน่าจะมีอะไร บรรยากาศก็มืดๆ น่าจะสยองดี แต่ก็นั่นแหละครับเล่นว่าลองดูตัวอย่างในเน็ทเว็บของเมืองนอก ก็ไม่รู้ว่าจะได้เข้ามาฉายในเมืองเราหรือเปล่า เพราะดูก็รู้ว่าทุนไม่สูงน่ะครับ ดาราก็ไม่มี ก็ลุ้นๆ อยู่ แล้วในที่สุดมันก็ออกมาเป็นแผ่นจนได้
เล่าให้ครบๆ ให้มันจบไปครับ หลังจากเหตุการณ์สยองในภาคแรกก็มาต่อกันที่ภาคสอง เมื่อเหล่านักศึกษารายที่ยังมีชีวิตอยู่ได้กลับออกมาทั้งที่ยังมีชีวิตน่ะนะครับ ก็รอดมา แต่เรื่องสยองยังไม่จบ เมื่อเจ้าปีศาจไร้ชื่อนั่นยังกลับมาอีกครั้ง แล้วครั้งนี้พวกเขาจะรับมือมันอย่างไร
คิดไปคิดมาผมว่าผมชอบสูตรหนังแอ็กชันแบบนี้อยู่เหมือนกันนะครับ ประเภทว่าตัวเอกเป็นมือพระกาฬที่ไปอยู่ผิดที่ผิดเวลา แล้วก็ต้องสำแดงความสามารถในการปราบเหล่าร้าย แบบหนัง Die Hard หรือ Under Siege ประมาณนั้นน่ะครับ
เฮ่อ จริงๆ นี่มันก็เป็นหนังตลกนั่นแหละ นำแสดงโดย Dustin Hoffman และ Warren Beatty สองดาราดังในยุคนั้นนะครับ ซึ่งตอนนั้นเขาได้ค่าตัวไปคนละ 5 ล้านเลยทีเดียว ซึ่งนับว่าสูงมากสำหรับเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ส่วนตัวหนังเองก็ลงทุนไปราวๆ 55 ล้าน
ทฤษฎีการหยุดเวลาถูกเอามาเล่นอีกครั้งครับ คราวนี้เป็นเรื่องของแซ็ค กิบบ์ส (Jesse Bradford) เด็กหนุ่มหัวรั้นที่ได้พบกับนาฬิกาไฮเปอร์ไทม์ สิ่งประดิษฐ์ของดร.เอิร์ล ดอฟเลอร์ (French Stewart) เข้าโดยบังเอิญ เขาก็ใช้มันทำเรื่องสนุกๆ ในแบบของเขาเองสารพัดล่ะครับ ซึ่งจุดหมายสำคัญคือใช้มันในการเอาชนะใจสาวนักเรียนแลกเปลี่ยนจากเวเนซูเอล่าที่แสนจะน่ารัก ที่ชื่อว่าฟรานเชสก้า (Paula Garcés) อีกต่างหาก
ภาค 8 ของหนังชุด Hellraiser ครับ
ผมนั้นเป็นคนชอบดูหนังสยองนะ ยิ่งพวกหนังสยองที่สร้างตอนต่อออกมามากๆ ผมจะชอบและจะตามดูต่อให้ใครบ่นก่นด่ามากแค่ไหน ผมก็ไม่ละความพยายามในการดูครับ เพราะอยากรู้ว่าจะมีอะไรมาเสนอเราอีก หรือจะเละขึ้นอีกแค่ไหน ผมก็ดูด้วยความสนุกตลอดครับทั้ง Friday the 13th, หรือพี่เฟรดดี้ หรือฮัลโลวีน ตามดูหมดครับด้วยความ Happy
สำหรับหนังภาคนี้ควรที่จะสนุกไม่แพ้สองภาคแรกนะ เพราะนี่เป็นภาคก่อนหน้าและภาคจบของเรื่องราวกล่องรูบิคปริศนาและพี่พินเฮด (Doug Bradley) ด้วย แต่ก็ไม่เป็นอย่างนั้นนะครับ