สิ่งหนึ่งที่รู้สึกในการดูหนังจีนยุคหลังๆ คือส่วนใหญ่หนังจะออกมาเน้น Effect หรือไม่ก็ CG ครับ ในขณะที่เนื้อเรื่องก็ลดความเข้มข้นลงเรื่อยๆ หรือในแง่ความมันส์ก็อาจจะไม่โดนใจคนรุ่นผมที่ชอบการซัดกันแบบสมจริงมากกว่าจะลุยกันแบบเป็น CG
สิ่งหนึ่งที่รู้สึกในการดูหนังจีนยุคหลังๆ คือส่วนใหญ่หนังจะออกมาเน้น Effect หรือไม่ก็ CG ครับ ในขณะที่เนื้อเรื่องก็ลดความเข้มข้นลงเรื่อยๆ หรือในแง่ความมันส์ก็อาจจะไม่โดนใจคนรุ่นผมที่ชอบการซัดกันแบบสมจริงมากกว่าจะลุยกันแบบเป็น CG
ภาคแรกผมชอบครับ มันคือ Die Hard เวอร์ชั่นฮากลมกลิ้งที่ครบเครื่องทั้งความตลกและความลุ้น ส่วนภาคต่ออย่าง Paul Blart: Mall Cop 2 ก็ถือว่าผลออกมาตามที่คาดไว้ นั่นคือดูเพลินเรื่อยๆ แต่ไม่จับใจเท่าภาคแรก
หนังหลายๆ เรื่องเราดูด้วยเหตุผลว่า อยากดูหนังดี เติมเต็มชีวิต แต่กับหนังบางเรื่องแล้ว เราดูเพื่อความสนุกครับ ยิ่งหน้าหนังประกาศมาแต่ไกลว่าทำออกมาเพื่อความบันเทิงล่ะก็ ความคาดหวังในใจเราก็จะแปรเปลี่ยนไปตามหน้าหนังนั้นๆ
ตอนแรกผมว่าจะเขียนไม่ยาวนะ แต่ไปๆ มาๆ อินเนอร์มันมาอีกแล้ว ล่อซะยาวเลย ดังนั้นหากใครไม่อยากอ่านของยาวขอแนะนำให้อ่านแค่ย่อหน้าถัดไปก็พอครับ
Tales of Halloween หนังสยองแนวหลายเรื่องสั้น in 1 ครับ ซึ่งหนังก็จับเอาเรื่องสั้นมาใส่รวมกันถึง 10 เรื่องทีเดียว
Unfriended เป็นหนังสยองที่น่าสนใจดีครับ คือออกแนว Real แบบหนัง Found Footage ทั้งหลาย แต่แทนที่จะถือกล้องเหวี่ยงไปมา ก็เลือกที่จะแช่ตรงหน้าจอแล้วก็ดำเนินเรื่องไป
DragonHeart ภาคแรกถือเป็นหนึ่งในหนังแฟนตาซีย้อนยุคที่ผสมกลิ่นอายเรื่องของอัศวินและการผจญภัยได้อย่างพอเหมาะ ที่สำคัญคือมีแง่คิด มีเนื้อหาชวนให้ประทับใจ จนถึงทุกวันนี้หากมีโอกาสผมก็ยังเอามาดูอยู่บ่อยๆ
มาแล้วครับ Death Note เวอร์ชั่นอเมริกัน ซึ่งผมก็ยอมรับว่าตอนดูตัวอย่างมันยังรู้สึกไม่โดนสักเท่าไร ส่วนจะ “ใช่” แบบต้นฉบับหรือไม่นั้นผมคงไม่สามารถตอบได้เพราะไม่เคยอ่านฉบับการ์ตูนเลย รู้แค่ว่าชอบหนังมากๆ (2 ภาคแรกน่ะนะครับ)
Dragonheart 3: The Sorcerer’s Curse ภาคต่อแบบส่งตรงลงแผ่นของหนังในความทรงจำอีกเรื่องของผม
ออกตัวเลยครับว่าเป็นแฟนนิยายชุดอเล็กซ์ ครอส ของ James Patterson ตามอ่านนิยาย (เท่าที่จะหาได้ในไทย) แล้วก็ตามดูหนัง 2 ภาคก่อนที่ Morgan Freeman มาสวมบทครอส