ในบรรดาหนังที่สร้างจากเกมไฟต์ติ้งทั้งหมด Mortal Kombat นี่แหละที่ออกจะเข้าท่าเข้าท่ากว่าเขาเพื่อน
ในบรรดาหนังที่สร้างจากเกมไฟต์ติ้งทั้งหมด Mortal Kombat นี่แหละที่ออกจะเข้าท่าเข้าท่ากว่าเขาเพื่อน
ผมบอกว่ามีภาคเดียวเหรอครับ … น่าจะไม่ได้บอกนะ มันมีมาสามภาคครับ (แหม มีไตรภาคซะด้วย)
บางคนปฏิเสธพระเจ้าเพราะเห็นสวรรค์น้อยเกินไป… แต่บางคนก็ปฏิเสธพระเจ้า เพราะเห็นสวรรค์มากเกินไป
ภาคแรกนั้น เป็นเรื่องของโครงการทดลองลับของรัฐบาลที่เอา DNA จากต่างดาวมาเพาะพันธุ์และมันก็หนีไป จากเด็กหญิงเธอก็เจริญเติบโตในชั่วข้ามคืน กลายเป็นสาวโคตรเซ็กซี่ และจุดประสงค์ของเธอก็คือ การสืบพันธุ์ ทำให้รัฐบาลต้องส่งคนไปตามล่าเธอ ก่อนสายพันธุ์นรกจะก่อกำเนิดขึ้น
วันนี้เพลียๆ ครับ แต่ก็ขออัพมันซะหน่อย ตั้งปณิธานไว้แล้วครับ ว่าต้องเขียนให้ได้อย่างน้อยวันละเรื่องไปเรื่อยๆ ก็เลยจับเอาหนังที่มันพูดถึงง่ายๆ หน่อยเอามาเล่าให้ฟัง นั่นคือหนังที่ไม่ต้องไตร่ตรองอะไรเลยครับ คือท่านดูหน้าปก ชื่อเรื่องประกอบกันแล้วก็น่าจะรู้ล่ะครับว่าความน่าดูมีมากน้อยแค่ไหน
ยังไม่จบไม่สิ้นครับ จริงๆ แล้วคนดูภาค 5 มาก่อนคงรู้แล้วล่ะว่ายังไงภาค 6 ก็ต้องถือกำเนิดขึ้นมาแน่ๆ ก็ตอนจบเล่นเปิดทางซะขนาดนั้น เหตุการณ์ในตอนนี้หลังจากภาคที่แล้ว 6 ปีครับ
พอดีผมก็ชอบอยู่แล้วล่ะหนังตลกล้อเลียนแบบนี้ ยิ่งมีลุง Leslie Nielsen มาเล่นนำด้วยแล้วก็อยากจะพูดถึงให้ครบๆ ครับ เพราะผมว่าก็พูดถึงงานแกไปหลายเรื่องแล้ว และก็ชอบการเล่นบทตลกของแกเป็นการส่วนตัวด้วย เลยขอพูดซะหน่อยนะครับ
มานึกถึงตอนนี้ผมก็ขำนะ ผมมักบ่นๆ บ่อยๆ ว่าดูหนังเห่ยๆ แบบย้อมแมวมาเยอะ ประเภทที่หนังมันสำหรับลง VDO แต่พอมาบ้านเราดันมีบริษัทหัวเสโฆษณาซะเข้าใจว่านี่ต้องเป็นหนังใหญ่แน่ และพอดูปุ๊บก็นิ่งทุกรอบ บางทีก็เสียดายตังค์ แต่ที่ฮาคือแม้จะเจอแบบนั้นตลอด แต่ผมก็ยังอุตส่าห์ไม่จำ ดูหนังจำพวกนี้อยู่ได้
ฆาตกรต่อเนื่องนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยในฝั่งตะวันตกนะครับ ทำให้หนังเกี่ยวกับฆาตกรต่อเนื่องนั้นมีมาตลอดและค่อนข้างขายดี บางเรื่องแม้รายได้จะไม่สวย แต่ตลาดวีดีโอก็รองรับอยู่แล้ว นี่จึงเป็นคำตอบว่าทำไมหนังแนวนี้มันไหลมาเทมาจัง มีค่อนข้างบ่อย ก็เพราะฝรั่งเขาเจอกันเยอะน่ะแหละครับ
มันก็แปลกดีนะครับ คือหากลองมาเทียบเปรียบวัดระหว่างพี่ Jean-Claude Van Damme กับ Steven Seagal ซึ่งตอนนี้ก็สาละนเตี้ยลงไปพอๆ กันแล้วน่ะนะครับ แต่หากลองเทียบสไตล์งานและผลงานแล้ว ผมกลับรู้สึกว่าพี่ Seagal แกมีงานที่โอเคเยอะกว่า ดูสนุกเยอะกว่าพี่ Van Damme