หนังบู๊ว่าด้วยเรื่องการขับเคี่ยวระหว่างตำรวจกับเจ้าพ่อระดับบิ๊กที่ไม่เคยมีใครเอาผิดเขาได้ แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเจ้าพ่อคนนี้ทำสิ่งเลวร้ายมาแค่ไหนก็เถอะ
หนังบู๊ว่าด้วยเรื่องการขับเคี่ยวระหว่างตำรวจกับเจ้าพ่อระดับบิ๊กที่ไม่เคยมีใครเอาผิดเขาได้ แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเจ้าพ่อคนนี้ทำสิ่งเลวร้ายมาแค่ไหนก็เถอะ
Once Upon a Time in Shanghai เป็นงานรีเมคจากหนังเก่าคลาสสิกเรื่อง นักชกจากชานตุง โดยเน้นไปที่ฉากการต่อสู้มือเปล่าที่สมจริง แล้วก็นำเสนอด้วยภาพสไตล์หนังเก่าขาวดำครับ
อีกหนึ่งงานกำกับของฉีเคอะ ผู้กำกับที่ถือเป็นแถวหน้าของฮ่องกงมานานพอๆ กับ John Woo น่ะครับ ซึ่งผลงานของลุงเขาก็มีขึ้นมีลงบ้างตามจังหวะ แต่เรื่องที่ยังอมตะประเภทดูแล้วไม่เบื่อของพี่แกก็ต้องยกให้ เดชคัมภีร์เทวดา (โดยเฉพาะภาค 2) และหวงเฟยหง (โดยเฉพาะภาค 2 อีกเหมือนกัน)
และแล้วเรื่องของ The Hunger Games ก็มาถึงบทสรุปครับ เมื่อแคทนิส (Jennifer Lawrence) และพรรคพวกต้องประจัญบานกับประธานาธิบดีสโนว์ (Donald Sutherland) ในขั้นเด็ดขาด ก็มีการต่อสู้ มีการล้มเจ็บล้มตายกันตามสูตร
เท่าที่รับรู้มา ดูเหมือนหนังเรื่องนี้จะโดนสับเป็นบะช่อพอสมควรเลยครับ (555) ในขณะที่ผมนั้นดูแล้วก็รู้สึกว่าดูได้เพลินๆ ไม่ได้ผิดหวังอะไรนัก ส่วนหนึ่งก็อาจเพราะไม่ค่อยหวังอยู่แล้ว บวกกับสไตล์ของหนังที่ออกมาใกล้ๆ กับที่กะไว้ตั้งแต่ตอนดูตัวอย่าง
ตั้งแต่ได้ยินพล็อตก็ตระหนักได้เลยครับว่าหนังเข้าทางผมอย่างแรง ผมนั้นเป็นประเภทชอบหนังชีวิตที่บอกเล่า “ช่วง Moment หนึ่งของชีวิตใครบางคน” อย่างมากทีเดียว
เรื่องราวบทที่ 3 ของนักสืบสาวจำเป็น เฮลี่ย์ ดีน (Kellie Martin) ที่ไม่รู้ว่าคดีมันพุ่งมาหาเธอ หรือเธอเป็นฝ่ายพุ่งไปหาคดีมากกว่ากันแน่น่ะนะครับ (แต่ส่วนใหญ่ นักสืบสาวแบบเธอ ต่อให้อยู่เฉยๆ คดีก็พร้อมแวะมาหาอยู่แล้ว 555)
อีกหนึ่งหนังแอ็กชันสืบสวนสายฮาที่ภาคแรกทำออกมากลมกล่อมกำลังดี จนบอกได้เลยครับว่าหนังดูเพลินมาก แต่ก็ต้องบอกก่อนว่ามันไม่ได้แอ็กชันระเบิด Leathal Weapon และไม่ได้เอาฮาหนักๆ แบบ Rush Hour
9 ข้อขอเล่า หลังดู Cinderella เวอร์ชั่น Kenneth Branagh กำกับ (เปิดเผยเนื้อเรื่องตั้งแต่ข้อ 3 ขึ้นไป) และมันยาวอีกแล้วครับ ไม่ชอบของ “ยาว” กรุณาหลีกเลี่ยงนะครับ ^_^
ผมรู้สึกเพลินกับ Terminator Genisys ในมุมความเป็นหนังไซไฟมากกว่าในแง่แอ็กชันครับ