อีกหนึ่งผลงานมันส์ของผู้กำกับ Wolfgang Petersen เจ้าเดียวกับหนังมันส์ๆ อีกหลายเรื่อง เช่น Das Boot, In the Line of Fire, Outbreak และ The Perfect Storm
อีกหนึ่งผลงานมันส์ของผู้กำกับ Wolfgang Petersen เจ้าเดียวกับหนังมันส์ๆ อีกหลายเรื่อง เช่น Das Boot, In the Line of Fire, Outbreak และ The Perfect Storm
ถ้าใครคาดหมายว่าจะได้ดูหนังแอ็กชันมีสาระ มีอะไรให้คิดเยอะๆ ล่ะเห็นทีท่านจะตีตั๋วดูผิดเรื่องแล้วล่ะครับ เพราะหนังเรื่องนี้สร้างขึ้นมาตอบสนองต่อมความมันส์และขากรรไกรเท่านั้น ส่วนสมองก็พักได้ไม่ต้องใช้ให้มาก
ครับ มาฟัดกันต่อกับสองนายตำรวจคู่หู ลี (Jackie Chan) กับ คาร์เตอร์ (Chris Tucker) ซึ่งกำลังมาพักร้อนในฮ่องกงครับ หลังจากเสร็จคดีในภาคแรกไปหมาดๆ แต่แล้วอยู่ดีๆ ก็ดันมีคนเอาระเบิดไปทิ้งไว้ที่สถานทูตอเมริกาประจำฮ่องกง งานพักร้อนเลยจบครับ ทั้ง 2 เลยต้องมาไล่ตีกับริคกี้ แทน (John Lone) หัวหน้าแก๊งสามเซียน ซึ่งเป็นมาเฟียมหาอำนาจในฮ่องกง รวมถึงการพบกับสมุนมือขวา สวยแต่แสบอย่างฮูลี่ (Ziyi Zhang) แต่พอสืบไปสืบมา ก็เริ่มพบเงื่อนงำความไม่ชอบมาพากลมากขึ้นเรื่อยๆ และความมันส์ก็มาเรื่อยๆ เช่นกันน่ะครับผม
ทีนี้มาดูคนที่มาจากฮ่องกงแล้วไปรุ่งที่ฮอลลีวู้ดบ้างล่ะนะครับ เขาคือ เฉินหลง กับงานแรกแบบเต็มตัวในอเมริกาที่เล่นเอาดังไปทั้วโลกเลย กับบทลี นายตำรวจจอมวิทยายุทธที่ต้องมาจับคู่จำเป็นกับ เจมส์ คาร์เตอร์ (Chris Tucker) นายตำรวจเอลเอพีดีจอมปากมาก ในการตามสืบคดีลักพาตัวลูกสาวกงศุลฮั่น (Tzi Ma)
จริงๆ ผมอยากไปดูในโรงนะครับ แต่ก็พลาดไป นี่ได้โอกาสก็เช่ามาครับ Tales of Terror นั้นเป็นรายการทีวีแนวสยองเหมือนชมรมขนหัวลุกหรือมิติพิศวงบ้านเราอ้ะนะครับ แต่ละตอนก็จะมีละครสั้นๆ อันนำมาจากเรื่องเล่าจากทางบ้านมาให้คนได้ดูกัน แล้วทีนี้รายการเขาดังครับ ดังจนแฟนๆ เรียกร้องให้เอามาทำเป็นหนังขายทางวีดีโอก่อน แล้วต่อมาก็เลยขยับขยายมาเป็นหนังใหญ่อย่างที่เห็นนี่แหละ
ในเบื้องต้น ผมมองว่าผมคงคาดหวังกับ Spectre มากเกินไปครับ ซึ่งความคาดหวังที่ว่าก็เกิดจากหลายเหตุผล ไม่ว่าจะเพราะได้ทีมงานเดิม, เพราะ 3 ภาคก่อนถือว่าดูได้มีมาตรฐาน (และ 2 ใน 3 ภาคถือว่าเข้าขั้นคลาสสิก) และเพราะการกลับมาขององค์กรสเปคเตอร์
Skyfall เป็นหนึ่งในหนังไม่กี่เรื่องที่ผมบอกตัวเองทันทีหลังดูจบว่า “ต้องดูอีกรอบ”
สังเกตดีๆ นะครับ ผมใช้คำว่า “ต้องดูอีกรอบ” ไม่ใช่ “อยากดูอีกรอบ”
สารภาพเลยว่าผมโตมากับบอนด์ยุคเก่า ที่มีสาวสวย พระเอกเก่งเว่อร์ เจอผู้ร้ายขนาดไหนก็ชนะได้ บู๊ขนาดไหนทรงผมก็เรียบไม่มีกระดิก (เคยเห็นบอนด์ภาคไหนผมแกตั้งกระบังเป็นเพิงหมาแหงนไหมล่ะครับ) พร้อมอาวุธไฮเทคชวนตื่นตา กับการไล่ล่าแบบเมามันส์
หลังจากแสดงบทพยัคฆ์ร้าย 007 ไป 4 ตอน Pierce Brosnan ประกาศชัดว่าเขาจะวางมือจากบทบอนด์ ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่าเขาอิ่มตัวและรู้สึกแก่เกินไป (ขณะนั้นเขาก็อายุได้ 50 ปีพอดี)
และนี่คือ เจมส์ บอนด์ตอนสุดท้ายที่แสดงโดย Pierce Brosnan ครับ โดยทีมงานเห็นว่าภาคที่แล้วแม้จะทำเงินไม่แพ้ภาคอื่นๆ แต่ดูเหมือนว่าผู้ชมจะไม่ชอบบอนด์สไตล์ดราม่ามากเท่าบอนด์แบบบู๊เอามันส์ ภาคนี้เลยอัดแอ็กชัน ความเว่อร์ สารพัดอุปกรณ์ลงไปแบบเต็มคราบครับ ยิ่งใหญ่กันตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องที่มีระเบิด ไล่ล่าด้วยรถถัง แล้วยังมีฉากบู๊โม้ๆ รอผู้ชมอีกเพียบ