เป็นธรรมเนียมที่ผมจะเอาหนังไซไฟทุนต่ำมาบอกตอกย้ำว่าอย่านะครับ อย่าไปทะลึ่งดูแบบสุ่มสี่สุ่มห้าสุ่มหก เดี๋ยวจะเสียดายเงินตราอันหายากขึ้นมาได้
เป็นธรรมเนียมที่ผมจะเอาหนังไซไฟทุนต่ำมาบอกตอกย้ำว่าอย่านะครับ อย่าไปทะลึ่งดูแบบสุ่มสี่สุ่มห้าสุ่มหก เดี๋ยวจะเสียดายเงินตราอันหายากขึ้นมาได้
งานเขียนบทและกำกับของ Michael Crichton ผู้ประพันธ์ Jurassic Park นั่นเอง ซึ่งเมื่อก่อนนี้เขาก็โดดลงมากำกับหนังหลายเรื่องนะครับ และส่วนใหญ่ก็ไม่เลวซะด้วย อย่าง Westworld, Coma แล้วก็ The First Great Train Robbery พวกนี้ถือว่าเป็นหนังสนุกระดับท็อปฟอร์มทีเดียว
ถือเป็นหนังไซไฟ+ผจญภัยที่ได้รับการพูดถึงอยู่พอตัวครับ กับเรื่องราวว่าด้วยการเข้าไปผจญภัยในร่างกายมนุษย์ เมื่อนักวิทยาศาสตร์ระดับสูงผู้หนึ่งถูกลอบสังหาร และทางเดียวที่จะช่วยชีวิตเขาได้คือต้องให้ทีมนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งนั่งยานย่อส่วน แล้วก็เข้าไปทำการผ่าตัดในร่างกายของผู้ป่วย
เรื่องเกิดในยุคอนาคตครับ เมื่อภาวะโลกร้อนทำให้โลกกลับไปสู่ยุคน้ำแข็งอีกครั้ง มนุษย์ที่เหลือก็ต้องอาศัยอยู่ใต้ดิน ตั้งเป็นอาณานิคมแยกกันไปเป็นจุดๆ
ถือเป็นไอเดียที่เข้าท่าครับสำหรับหนังเรื่องนี้ ที่จับเอาสูตรหนังคาวบอยมาเล่นแบบพลิกแพลงแบบที่ไม่ค่อยมีใครทำ
ผมนั้นเป็นแฟนผลงานของพี่มาโนช หรือ M. Night Shyamalan มานานหลายปีครับ แม้เรื่องก่อนๆ อย่าง The Happening จะไม่ค่อยมีคนปลื้ม แต่ผมก็ยังโอกับแนวคิดและการนำเสนอของพี่ท่านอยู่ ทว่าพอเจอเรื่องนี้เข้าก็ใบ้รับประทานเหมือนกันครับ
ดูภายนอก คาร์ล (Ted Marcoux) คือช่างเทคนิคซ่อมคอมพิวเตอร์ทั่วๆ ไป แต่แท้จริงแล้วเขาคือฆาตกรแอดเดรสบุ๊ค ที่คอยแอบบันทึกที่อยู่ยามลูกค้าเอาเครื่องคอมมาให้ซ่อม แล้วจากนั้นเขาก็จะย่องไปฆ่าทั้งครอบครัว ซึ่งเหยื่อรายล่าสุดที่เขาหมายตาไว้ก็คือ เทอร์รี่ มันโร (Karen Allen) คุณแม่ลูกติดที่ไปเป็นลูกค้าในร้านแห่งนั้น
หนังตลกล้อเลียนของลุง Leslie Nielsen นะครับ เป็นผลงานช่วงหลังที่ออกแนวสาละวันเตี้้ยลง ว่าง่ายๆ คือไม่ขำเหมือนสมัยก่อนเก่า ส่วนหนึ่งผมไม่อยากโทษลุงเขาหรอกครับ เพราะเขายังแสดงแบบ “ตลกหน้าตาย” ได้อย่างเนียนอยู่ เพียงแต่เนื้อเรื่องเนื้อหามันออกทะเล (หรืออาจถึงขั้นออกนอกโลกไป) ไกลมากๆ ไม่มีประเด็น ไม่มีสาระอะไร ซึ่งจริงๆ นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับหนังแนวนี้หรอกครับ
ในบรรดาหนังที่มีเนื้อหาว่าด้วย “การทะลุเวลา – แก้อดีต – เปลี่ยนอนาคต” ที่ผมโปรดสุดๆ เป็นเรื่องแรกในชีวิต ก็หนีไม่พ้นไตรภาค Back to the Future ส่วนเรื่องต่อมาก็อยากขอยกตำแหน่งให้กับหนังเรื่อง Frequency นี้ครับ
นี่คือหนังล่มอีกเรื่องหนึ่งที่มีผู้เกี่ยวข้องดังๆ เต็มไปหมดครับ เริ่มจากผู้กำกับคือ Walter Hill แห่ง 48 Hrs. และยังเป็นผู้อำนวยการสร้างหนังชุด Alien ด้วย เรียกว่าจริงๆ ประสบการณ์งานหนังก็ไม่น้อย หนังแนวสยองนอกอวกาศก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร