หมวดหมู่: Movie Reviews

มังกรหนวดทอง (1988) Dragons Forever

หนังแอ็กชัน+ตลกผสมด้วยความรักกุ๊กกิ๊กของ 3 นักบู๊แห่งฮ่องกงครับ เรื่องมิตรภาพของ 3 หนุ่มที่ประกอบด้วย แจ็คกี้ (เฉินหลง) คือทนายมือดีล ลุค (หงจินเป่า) นักค้าของเถื่อนจอมกะล่อน และทิโมธี (หยวนเปียว) หัวขโมยมือเซียน

Stephen King’s Desperation (2006), สุดทาง กลางเมืองนรก

หนังจากนิยายของพี่ Stephen King ครับ เนื้อเรื่องว่าด้วยผู้คนที่มากหน้าหลายตาที่ขับรถอยู่บนถนนสายเปลี่ยว แล้วจู่ๆ ก็โดน คอลลี เอนทราเจี้ยน (Ron Perlman) นายอำเภอของเมืองเดสเพอเรชั่นจับไปเข้าคุกอย่าง ซึ่งแต่ละเจ้าที่โดนจับไปนั้นจริงๆ ก็ไม่ได้ทำผิดอะไรหรอกครับ แต่ลองว่านายอำเภอยืนกรานจะพาพวกเขาไป พวกเขาเลยไม่อาจขัดขืนได้

Don’t Be Afraid of the Dark (2010) อย่ากลัวมืด ถ้าไม่กลัวตาย

นี่เป็นหนังรีเมคนะครับ ซึ่งผมเคยได้ดูต้นฉบับมาก่อน มันเป็นหนังทีวีน่ะครับ แต่แม้จะเป็นเพียงหนังทีวีและเก่าตั้งเกือบ 40 ปีแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังทำได้น่ากลัวตื่นเต้น ได้มาตรฐานสำหรับหนังสยองดีทีเดียว

The Three Musketeers (2011) 3 ทหารเสือดาบทะลุจอ

ผมชอบตำนาน 3 ทหารเสือมากครับ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผมจะควานหานิยายมาอ่าน และตามดูหนังขุดไปถึงปี 1921 โน่น เพราะอะไรน่ะเหรอครับ ก็หนังมีจุดเด็ดเด่นๆ 3 อย่าง ได้แก่เรื่องราวตัวละครที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ตั้งแต่ 3 ทหารเสือที่เท่ห์ไปคนละแบบ ดาตาญังที่ห้าวหาญ กษัตริย์ที่พยายามหาทางให้ตนเองมีความเข้มแข็งกล้ายืนหยัดสู้กับคนที่หมายจะยึดครองบัลลังก์ ฯลฯ อีกทั้งเนื้อเรื่องที่มัเรื่องศักดิ์ศรี มิตรภาพเจืออยู่อย่างพอเหมาะ จนไม่แปลกใจครับที่นิยายเรื่องนี้จะเป็นอมตะยืนยาวมาได้ถึงตอนนี้

Sphinx (1981) สมบัติไอยคุปต์

ดร. เอริก้า บารอน (Lesley-Anne Down) นักอียิปต์วิทยาผู้เดินทางมาเพื่อไขปริศนาเกี่ยวกับสารโบราณฉบับหนึ่งซึ่งเขียนขึ้นโดยผู้สร้างสุสานของฟาโรห์เซติ และเป็นไปได้ว่าสารฉบับนั้นจะนำเธอไปสู่ขุมสมบัติ

Death of A Cheerleader (1994), เพื่อนฆ่าเพื่อน

เป็นหนังทีวีครับ ออกแนวสอนวัยรุ่นซึ่งอย่างที่ผมเคยบอกครับว่าอเมริกาทำหนังทำนองอุทธาหรณ์สอนใจแบบนี้บ่อยๆ และส่วนมากก็มักจะนำเอาเค้าโครงเรื่องจริงมาสร้างด้วย

The Grudge 3 (2009) โคตรผีดุ 3

ที่อเมริกานั้นเขาทำออกมาลง DVD โดยตรงไปเลย ไม่มีการเข้าโรงแต่อย่างใดครับ ก่อนดูก็พลางทำใจร่มๆ ไม่ไปคิดมากกับการสานต่อเรื่องราว ที่เดาๆ ว่ามันน่าจะออกแนว “ดันทุรัง” เป็นที่ตั้ง เพราะยิ่งทำก็ยิ่งพยายามยืดเรื่องครับ เหมือนพวกศุกร์ 13 หรือนิ้วเขมือบนั่นแหละ หาเรื่องให้ผีเป็นอมตะเข้าไว้แล้วก็ทำออกมาโกยเงินไปเรื่อยๆ

The Grudge 2 (2006) โคตรผีดุ 2

เพียงสามวันหลังจากหนัง The Grudge ภาคแรกออกฉาย Sony เจ้าของทุนก็ไฟเขียวสำหรับภาคต่อทันที ก็แหงล่ะครับ โดยสามวันแรกเกือบ 40 ล้าน ไม่สร้างต่อก็บ้าแล้ว

The Grudge (2004) โคตรผีดุ

เรื่องสยองผีคลานไปฆ่าที่ดังไปถึงฮอลลีวู้ดครับ โดยผู้กำกับก็คือเจ้าเก่า Takashi Shimizu ผู้ให้กำเนิดหนังชุดนี้ตั้งแต่ทำที่ญี่ปุ่นน่ะแหละครับ