ครับ มันยังไม่จบ ทำไงได้ล่ะครับ ภาคแรกได้เงินไปทั่วโลกกว่า $70 ล้านเหรียญเชียวนะครับ ทุนแค่จิ๊บๆ ไม่สร้างตอนต่อก็กะไร เผื่อได้เงินได้ทอง แล้วยังสร้างแบบเซฟด้วยนะครับ ทุนแค่ $14 ล้านเท่านั้นเอง โอกาสกำไรก็เห็นๆ ล่ะครับ
ครับ มันยังไม่จบ ทำไงได้ล่ะครับ ภาคแรกได้เงินไปทั่วโลกกว่า $70 ล้านเหรียญเชียวนะครับ ทุนแค่จิ๊บๆ ไม่สร้างตอนต่อก็กะไร เผื่อได้เงินได้ทอง แล้วยังสร้างแบบเซฟด้วยนะครับ ทุนแค่ $14 ล้านเท่านั้นเอง โอกาสกำไรก็เห็นๆ ล่ะครับ
คำว่า Urban Legend นั้นมีความหมายถึงเรื่องเล่าพื้นบ้าน ซึ่งก็คือตำนานพื้นเมืองอย่างหนึ่งครับ แทบทุกเมืองในอเมริกาจะมีเรื่องเล่าแบบนี้ไว้คอยเขย่าขวัญเด็กๆ จุดประสงค์ที่แท้จริงก็เพื่อให้เด็กๆ ไม่ทำตัวทะเล้นจนเกินงาม เพราะเรื่องเล่าเนี่ยมักเกี่ยวกับเด็กวัยรุ่นไปทำพฤติกรรมห่ามๆ เช่น ไปจู๋จี๋กลางป่าตอนดึกๆ หรือไม่ก็ พากันไปลองของตามบ้านผีสิงที่มีประวัติสยองเป็นต้น พวกผู้ใหญ่เลยต้องเอาเรื่องน่ากลัวมาบอกเล่าเด็กๆ เพื่อกันไม่ให้เด็ก ออกไปเถลไถลยามวิกาล
สำหรับ The Thing ฉบับนี้ถือเป็นภาคก่อนหน้าของเหตุการณ์ใน The Thing ปี 1982 ของลุง John Carpenter อันที่จริงตอนแรกก็มีการคิดๆ กันครับว่าจะรีเมคจากฉบับปี 1982 เลยดีไหม แต่ทุกฝ่ายก็เห็นตรงกันในที่สุดครับว่าฉบับปี 1982 มันยอดเยี่ยมมากอยู่แล้ว ดังนั้นการไปรีเมคซ้ำของดีๆ แบบนั้นมันไม่เข้าท่า ถึงกับมีคนเปรียบว่า “เหมือนพยายามเอาสีไปทาทับภาพโมนาลิซ่า” อย่างนั้นเลย
จำได้ว่าตอนที่ The Thing ฉบับสร้างใหม่เข้าฉาย มีคนรีเควสท์ให้ผมรีวิว The Thing ปี 1982 เยอะมาก ไม่ใช่เยอะธรรมดา เยอะถึงขนาดผมเข้า Google แล้วใส่คำว่า “10000tip” ลงไป มันจะต่อท้ายออโต้ให้เลยว่า “The Thing”
หนังไซไฟคลาสสิกอีกเรื่องแห่งยุค 50 ครับ แน่นอนว่านี่คือต้นฉบับของ The Thing ที่ John Carpenter กำกับ โดยหนังก็ดัดแปลงจากนิยายขนาดสั้นเรื่อง Who Goes There? ของ John W. Campbell อีกที
ผมจำหนังเรื่องนี้ได้เพราะมันคือหนังแนวตามล่าฆาตกรต่อเนื่องที่ออกฉายแบบเงียบๆ ไม่มีการโปรโมตอะไร ทั้งที่มีดาราอย่าง Keanu Reeves, James Spader และ Marisa Tomei นำแสดง
รู้ไหมครับว่าทุกวันนี้ผมยังนึกถึงหนังเรื่องนี้เป็นระยะ เพราะชอบครับ ตรงเนื้อหานั้นไม่ได้ชอบอะไรมากมาก แต่ผมชอบตรง “Special Effect” และงานด้านภาพที่ทำออกมาได้สวย ตื่นตา ค่อนข้างเนียนและสมจริง ซึ่งสมัยที่ดูรอบแรกในโรงนั้นมันเป็นอะไรที่ติดตาจริงนะครับ (นี่ขนาดสมัยนั้นไม่มีโรงหนัง 3D แบบปัจจุบันนะเนี่ย)
ชาร์ลี แฮร์ริสัน (Bruce Greenwood) นักสืบเอกชนที่ได้รับการว่าจ้างให้ช่วยปกป้องหนูน้อยโจอี้ สกาเวลโล (Jarrett Lennon) ที่กำลังโดนพวกคลั่งลัทธิตามล่า เนื่องจากพวกนั้นเชื่อว่าโจอี้คือทายาทซาตาน คือจอมมารที่ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อต้านพระคริสต์ ด้วยเหตุนี้ชาร์ลีจึงต้องร่วมมือกับคริสทีน (Belinda Bauer) แม่ของโจอี้ เพื่อช่วยกันหาทางหยุดยั้งความบ้าคลั่งของลัทธิอันตรายนี้ให้จงได้
นี่คือหนังที่ว่าด้วยคดีฆาตกรรมโหดในปี 1888 โดยฝีมือของ แจ็ค เดอะ ริปเปอร์ ฆาตกรต่อเนื่องที่ลงมือสังหารผู้หญิงแถบไวท์ชาเปลไปหลายศพ
เจ้าฝูงแมลงสาบพันธุ์สยองที่ไล่แทะมนุษย์ถึงเลือดถึงเนื้อ คนก็เลยต้องหาทางกำจัด พระเอกชื่อริชาร์ด ทาร์เบลล์ (Franc Luz) กับนางเอกคือ อลิซาเบธ (Lisa Langlois) ซึ่งก็มีตัวประกอบตายบ้างรอดบ้างครับ ส่วนพระเอกนางเอกก็ต้องหาทางรบกับมัน กว่าจะชนะก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันล่ะฮะ