และแล้วเทสส์ ฮาร์เปอร์ (Lacey Chabert) ก็กลายเป็นโคนันครับ เพราะไปที่ไหนต้องมีคนตายทุกที
และแล้วเทสส์ ฮาร์เปอร์ (Lacey Chabert) ก็กลายเป็นโคนันครับ เพราะไปที่ไหนต้องมีคนตายทุกที
หนนี้เกิดมีคนตายในวันเกิดของเทสส์ ฮาร์เปอร์ (Lacey Chabert) ซึ่งก็คือนักมายากลมหัศจรรย์ อลิสแตร์ แมคเคลน (Noam Jenkins) ซึ่งพอดีเจ้าหน้าที่โลแกน (Brennan Elliott) อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย จึงมีการสืบสวนกันตามระเบียบ
เทสส์ ฮาร์เปอร์ (Lacey Chabert) ต้องไขคดีฆาตกรรมอีกครั้งเมื่อไลล์ (Kyle Buchanan) เพื่อนของเธอที่เพิ่งเจอกันล่าสุดเมื่อ 5 วันก่อนกลับถูกสังหารในห้องพัก โดยไลล์กำลังจะแต่งงานครับ เขาขอให้เทสส์ช่วยทำปริศนาอักษรไขว้เพื่อขอแฟนแต่งงาน แต่เขากลับมาตายไปเสียก่อน
เกิดคดีฆาตกรรมขึ้นที่ไนติงเกลแกลลอรี่ครับ นอกจากมีคนถูกฆ่าแล้วงานศิลป์ยังหายไปด้วย เจ้าหน้าที่โลแกน โอ คอนเนอร์ (Brennan Elliott) ได้รับมอบหมายให้สืบสวนคดี แล้วทีนี้บรรณาธิการผู้ชำนาญปริศนาอักษรไขว้ (Crossword) อย่าง เทสส์ ฮาร์เปอร์ (Lacey Chabert) ก็ค้นพบว่ามีเงื่อนงำบางอย่างซ่อนอยู่ในปริศนาอักษรไขว้ครับ เธอเลยสนใจคดีนี้และโดดเข้ามาร่วมสืบกับโลแกนด้วย
จอมโจรหัวใจไม่ลวงรัก หรือ A World Without Thieves เล่าเรื่องของคู่รักจอมโจร หวังโป (หลิวเต๋อหัว, Andy Lau) และหวังลี่ (หลิวรั่วอิง, Rene Liu) ที่เพิ่งเสร็จงานแบล็คเมล์คนรวยมาหมาดๆ แล้วพวกเขาก็ได้พบกับช่างไม้แสนซื่อ (หวังเป่าเฉียง, Baoqiang Wang) ที่หวังจะหอบเงินที่ตนหาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงกลับบ้านไปแต่งเมีย
I Just Wanna Hug You หนังโรแมนติกผสมชีวิตที่สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงของชายหญิงคู่หนึ่งที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคหลายประการกว่าจะได้ครองคู่กัน
ผมดู Where the Crawdads Sing อย่างมีความสุขครับ… โอเค ตัวหนังไม่ได้เป็นแนวเบาสมองแต่อย่างใดน่ะนะครับ อันที่จริงมันออกแนวดราม่าว่าด้วยวิบากชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกครอบครัวทอดทิ้งและยังถูกสังคมมองเป็นตัวประหลาดอีก มิหนำซ้ำล่าสุดยังโดนตั้งข้อหาเป็นฆาตกรด้วย
Something’s Gotta Give หนังรักวัยดึกผลงานกำกับและเขียนบทโดย Nancy Meyers ที่สมัยนั้นกำลังดังต่อเนื่องมาจาก The Parent Trap และ What Women Want ซึ่งเรื่องนี้ก็ถือว่าดูเพลินครับ เพลินด้วยลีลาของดาราคู่หลัก ทั้ง Jack Nicholson และ Diane Keaton ที่ถือเป็นพลังสำคัญของหนังก็ว่าได้
Hollywood Homicide นี่เคยดูมาแล้ว 2 รอบครับ รอบแรกตอนออกแผ่นใหม่ๆ ดูแล้วก็ออกแนวเฉยครับ จากนั้นก็ได้ดูอีกรอบเมื่อไม่นานมานี้ เอามาเปิดดูเล่นยามว่างเผื่อว่าจะชอบมากขึ้น แต่ผลก็คือยังเฉยอยู่เหมือนเดิม
The Pledge ถือเป็นหนึ่งในหนังที่จบได้ขัดใจครับ นี่ขนาดดูมาแล้วหลายวันบทสรุปของหนังยังอยู่ในหัวผมอยู่เลย ซึ่งเดี๋ยวก็ต้องมีการสปอยล์แน่นอน แต่ก่อนจะถึงจุดนั้นก็ขอเล่าแบบไม่สปอยล์ก่อนนะครับ เดี๋ยวถ้าจะสปอยล์เมื่อไรแล้วจะบอกอีกทีครับ