Unfriended เป็นหนังสยองที่น่าสนใจดีครับ คือออกแนว Real แบบหนัง Found Footage ทั้งหลาย แต่แทนที่จะถือกล้องเหวี่ยงไปมา ก็เลือกที่จะแช่ตรงหน้าจอแล้วก็ดำเนินเรื่องไป
Unfriended เป็นหนังสยองที่น่าสนใจดีครับ คือออกแนว Real แบบหนัง Found Footage ทั้งหลาย แต่แทนที่จะถือกล้องเหวี่ยงไปมา ก็เลือกที่จะแช่ตรงหน้าจอแล้วก็ดำเนินเรื่องไป
หนังสยองที่ผสมโรแมนติกและตลกลงไปตามสไตล์หนังผีไทยพิมพ์นิยม เรื่องของ เหวิน (ดิม Tattoo Color) ที่ได้แต่งงานกับสาวสวยท่าทางอ่อนหวาน แต่แล้วเขากลับพบว่าเธอผู้นี้มีความสยองบางอย่างซ่อนอยู่
ว่ากันง่ายๆ เลยน่ะนะครับ ผมดูเศียรสยอง เพราะอยากรู้ว่ามันจะเป็นยังไง จริงๆ ก็สนใจตั้งแต่สมัยเป็นโปรเจคท์สยองสองบรรทัดน่ะครับ และผมก็ชอบอยู่แล้วหนังสยองน่ะ ก็เลยลองลิ้มจัดดูสักหน่อย
สารภาพว่าทุกวันนี้ตอนเปิดอาบัติดูทีไร ผมยังขำไม่เลิกเมื่อชื่อหนังขึ้นไตเติ้ลว่า “อาปัติ” และทุกวันนี้เวลาเจอเพื่อนทีไร ก็อดไม่ได้ที่จะหยิบเรื่องนี้มาพูดแบบฮาๆ
หนังเรื่องนี้สร้างความสยองให้กับผมตั้งแต่เห็นโปสเตอร์ครับ… ไม่ให้สยองได้ยังไงในเมื่อภาพดาราที่ขึ้นอยู่ในนั้นคือพี่หม่ำ พี่เท่ง และโก๊ะตี๋ จนใจนี่กลัวไปไกลคิดว่าหนังจะออกมาแล้วเน้นไปที่ขายฮาแบบที่หลายๆ เรื่องมักจะเป็นกันหรือเปล่าเนี่ย
เป็นหนังผีที่ดูแล้วได้อารมณ์ทูอินวันครับ ในแง่หนึ่งคือมันมีทั้งอารมณ์สยองขวัญผีๆ สางๆ ผสมกันความตลกตามสไตล์หนังผีไทย… แต่ “ทูอินวัน” ที่ผมบอกตอนต้นนั้น ไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องโทนของหนังเท่านั้นหรอกครับ
ลองว่าถ้าเป็นหนังประเภทรวมเรื่องสั้น “หลายๆ สยองขวัญ In 1” ล่ะก็ ผมพร้อมดูเสมอครับ ไม่ใช่เพียงอยากดูความสยอง แต่อยากดูจินตนาการของคนทำว่าเขาจะมีอะไรใหม่ๆ เจ๋งๆ มานำเสนอไหม (แม้จะหาที่เจ๋งมากๆ ได้ยาก แต่หลายหนก็พอกล้อมแกล้มครับ)
American Horror Story ปี 4 มาในชื่อตอนว่า Freak Show คราวนี้จับเอาเรื่องราวในคณะแสดงคนประหลาดมาบอกเล่า พร้อมผูกเรื่องในสไตล์ลึกลับหลอนซ่อนเงื่อนเช่นเดิมครับ
American Horror Story ปี 3 มาในชื่อตอนว่า Coven ครับ คราวนี้จับประเด็นแม่มดมาเล่น
สำหรับผมแล้ว American Horror Story ปี 1 ถือเป็นออเดิร์ฟครับ ในขณะที่ปี 2 ถือว่าจัดเต็มมากขึ้นกว่าเดิม (และจนถึงนาทีนี้ ผมยังชอบปี 2 ที่สุดอยู่ครับ)