นั่งคิดนิยามหนังเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง จะบอกว่ามัน Feel Good ก็ไม่ใช่ แต่ครั้นจะเรียกว่า Feel Real มันก็ไม่เชิง เพราะหนังจัดว่าอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 แบบที่ว่านั้นครับ
นั่งคิดนิยามหนังเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง จะบอกว่ามัน Feel Good ก็ไม่ใช่ แต่ครั้นจะเรียกว่า Feel Real มันก็ไม่เชิง เพราะหนังจัดว่าอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 แบบที่ว่านั้นครับ
หนังเรื่องนี้คือหนึ่งในความผิดพลาดแห่งปีของผมเลยครับ… เปล่าครับ ไม่ใช่ดูแล้วรู้สึกพลาดนะ แต่พลาดเพราะดันไม่ได้ดูต่างหาก (ยังคงรู้สึกเศร้ามาจนถึงทุกวันนี้ 555)
หนังโรแมนติกว่าด้วยสาวน้อยจากเมืองใหญ่ที่เดินทางไปอยู่ชนบทกับแม่ ซึ่งตัวเธอก็ได้พบเจอต้องใจกับครูสอนขี่ม้าหนุ่ม ส่วนแม่ของเธอ (Krista Allen) ก็ไปฟื้นถ่านไฟเก่ากับคนรักเก่าที่เคยชอบพอกันเมื่อ 20 ปีก่อน
เหตุผลหลักที่ผมดูหนังเรื่องนี้คือพี่เบนเลยครับ ลีลาพี่แกสุดยอดเป็นล้นพ้น ^_^
ผมยังจำความรู้สึกผมตอนดูฉากแรกๆ ของหนังเรื่อง “มนต์เพลงลูกทุ่งเอฟเอ็ม” ได้ครับ (อย่าเพิ่งงงว่าผมจั่วชื่อเรื่องผิดครับ ลองอ่านกันก่อน)
จำได้ว่าเมื่อ 11 ปีก่อน ผมดูหนังไทยเรื่อง “กั๊กกะกาวน์” แล้วรู้สึกชอบครับ แต่เพื่อนๆ ไม่มีใครชอบกับผมสักคน บางคนสงสัยถึงขนาดว่า “ทำไมแกชอบหนังซอมบี้แบบนั้นฟะ” (ในความหมายคงประมาณว่าหนังมันอืดถืดยืดช้า แทบไม่มีแก่นสารให้ติดตาม)
อีกหนึ่งแนวหนังที่ผมนิยมเป็นการส่วนตัวครับ ^_^ นั่นคือแนวสยองแบบรวมเรื่องสั้นหลายๆ เรื่อง in 1 เจอหนังแบบนี้มาทีไรก็ต้องเอามาดูทุกทีไป (แม้จะหาที่มันเจ๋งจริงแจ๋วจริงได้น้อยก็เถอะ)
ลองว่าเป็นหนังผีแนวรวมเรื่องสั้นแบบนี้ ผมก็พร้อมจะตามไปดูครับไม่ว่าจะของประเทศใดก็เถอะ (แม้หลังๆ หลายเรื่องที่ได้ดู จะทำให้รู้สึกเสียดายเวลาอยู่บ้างก็ตาม)
สิ่งแรกที่อยากจะบอกคือ กะไว้แล้วครับว่าพอดูจนจบนะ ยังไงมันก็จะต้องจบแบบปลายเปิด ทิ้งเชื้ออะไรสักอย่างไว้เผื่อทำตอนต่ออีกอยู่ดี แม้ชื่อจะบอกว่า The Final Chapter แค่ไหนก็เถอะ
พอดูหนังจนจบ ผมพบว่าตัวเองอมยิ้มตลอดการรับชมหนังเรื่องนี้เลยครับ ^_^ จู่ๆ มันเกิดอารมณ์ปลื้มปิติกับการที่ได้มาเห็น Lin Shaye ได้รับบทนำแบบเต็มตัว และที่สำคัญคือเธอสามารถแสดงบทนี้ได้อย่างดีอีกด้วย