ผมขอยกให้ The Man from Earth เป็นสุดยอดหนังไซไฟที่กระตุกต่อมคิด อุดมปรัชญา และปลุกจินตนาการได้ โดยไม่มี Special Effect ในหนังเลย แม้แต่ฉากเดียว
ผมขอยกให้ The Man from Earth เป็นสุดยอดหนังไซไฟที่กระตุกต่อมคิด อุดมปรัชญา และปลุกจินตนาการได้ โดยไม่มี Special Effect ในหนังเลย แม้แต่ฉากเดียว
ขอยกให้ Draft Day เป็นหนังเข้มข้นเกินคาดแห่งปีครับ
หนังตลกบนสนามอเมริกันฟุตบอลครับ เรื่องของทีมฟุตบอลที่แม้จะได้ชื่อว่าเป็นทีมรวมนักเล่นระดับสำรอง แต่พวกเขาก็สู้สุดใจทำสุดชีวิตเพื่อชิงชัยมา โดยมี เชน ฟัลโก (Keanu Reeves) เป็นผู้นำ และจิมมี่ แม็กกินตี้ (Gene Hackman) เป็นโค้ช
นี่คือหนังว่าด้วย “ความรัก” ที่รวมมิตรทั้งรักครั้งแรก รักหนุ่มสาว รักพ่อลูก รักพี่น้อง รักชีวิต รวมไปถึงรัก “แต่ละวัน” ที่คุณตื่นขึ้นมา…
Steve Martin รับบท โจนัส ไนทิงเกล ชายหนุ่มผู้มีความสามารถทางการพูดอย่างสุดยอด เขาสามารถเกลี้ยกล่อมคนให้เชื่อคำเขาได้ และงานของเขาคือตระเวนไปทั่วอเมริกา อ้างว่าตนคือผู้วิเศษ มีอำนาจมหาศาลในการรักษาโรคได้ หลอกเงินผู้คน แต่เมื่อเขาเดินทางมาถึงเมืองๆ หนึ่ง เขากลับได้พบกับคนและเหตุการณ์ที่จะเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดกาล
หนังเรื่องนี้ไม่เชิงเป็นหนังตลกน่ะครับ แต่ลุง Steve Martin แกแสดงผมก็ขอเอามาเหมารวมเลยแล้วกันนะครับ เป็นหนังชีวิตของผู้กำกับ Lawrence Kasdan ที่เล่าเรื่องราวของคนหลายๆ คนที่ได้มาพบเจอกันโดยบังเอิญแล้วชีวิตก็มาข้องเกี่ยวกัน เช่น แมค (Kevin Kline) ชายผิวขาวผู้โชคร้ายและรถมาเสียกลางทาง เขากำลังจะโดนทำร้าย แต่แล้วชายผิวดำอีกคน (Danny Glover) ก็โผล่มาช่วยเขา เขาได้รู้จักกันและเป็นเพื่อนกัน
ดูเรื่องนี้แล้วรู้สึกเหมือนดู Larry Crowne อีกรอบน่ะครับ (นำแสดงโดย Tom Hanks ทั้งคู่) คือมันรู้สึกเหมือนกันเลยว่าทั้งเรื่องนี้และเรื่องนั้นเป็นหนังชีวิตที่จริงๆ แล้วมีดี แต่การนำเสนอยังน่าติดตาม และสาระประเด็นดีๆ ก็ไม่ได้รับการบอกเล่าให้เข้าถึง
สำหรับหนังที่ผมกำลังจะพูดถึงนี้นะครับเป็นหนังทีวี ที่ทางช่อง Hallmark ทำออกมาฉายในช่วงคริสต์มาสปี 1999 ซึ่งก็แน่นอนครับว่าหนังต้องเกี่ยวกับวันคริสต์มาสน่ะแหละ และไม่ใช่เกี่ยวธรรมดาครับ เพราะมันสร้างจากนิยายคลาสสิคมากเรื่องหนึ่ง ซึ่งก็คือนิยายชื่อ A Christmas Carol ของ Charles Dickens โอ้ อันนี้ดังมากนะครับ ขึ้นชื่อว่าคลาสสิคแล้วยังถูกนำมาสร้างเป็นหนังบ้าง ละครบ้าง หนังทีวีหรือละครเวที คือสร้างกันเวียนไปมาหลายครั้งเหลือเกินครับ
เรื่องนี้ถือว่ามาทางเดียวกับ Knight of Cups ครับ ว่าด้วยชายผู้สับสนและหลงทาง หลังเกิดวิกฤติบางอย่างในชีวิตและจิตใจ ตัวหนังก็จะออกแนวสับสนและรอการค้นหาอยู่หน่อยๆ
มันก็จริงนะครับที่หลังๆ มานี่ผลงานของพี่ Sylvester Stallone จะไม่ค่อยประสบความสำเร็จและไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ แต่ผมก็เป็นคนหนึ่งครับที่ยังบ้าดูผลงานของพี่แกอยู่เรื่อยๆ แม้ว่าคนจะด่ายังไงก็เหอะ ซึ่งคนละเหตุผลกับที่ผมบ้าดูหนังของพี่ Steven Seagal นะครับ ขานั้นน่ะผมดูเอาฮามากกว่า แต่การที่ผมยังดูหนังของพี่สไลอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็เพราะหนังเรื่องนี้นี่แหละ