นี่คือเรื่องราวตอนแรกที่แนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับหนุ่มสุพรรณคนซื่อผู้นี้ครับ
นี่คือเรื่องราวตอนแรกที่แนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับหนุ่มสุพรรณคนซื่อผู้นี้ครับ
หนังหมัดมวยที่ถือว่ามาพร้อมหมัดอันหนักหน่วงเลยล่ะครับ ตัวหนังออกมาจริงจังและกดดันพอสมควร ยอมรับเลยว่าดูแล้วบางจังหวะก็แอบเครียดนะ เพราะพล็อตเรื่องมันกดดันและบีบคั้นตัวเอกเหลือเกิน
ผลงานการกำกับครั้งแรกของ Courteney Cox ที่หลายคนคุ้นเคยจากบทโมนิก้าแห่งซีรี่ส์ Friends หรือบทเกล เวเธอร์จากหนังชุด Scream ครับ ซึ่งผลที่ได้ออกมาก็ถือว่าไม่เลวทีเดียว
ตอนแรกผมนึกว่าเรื่องนี้จะเป็นหนัง Feel Good ดูแล้วยิ้มแย้มเกิดพลัง ครั้นพอดูแล้วมันก็มีส่วนผสมที่ทำให้ยิ้มอยู่เหมือนกันครับ แต่แนวจะหนักไปทางดราม่า สะท้อนความจริงของชีวิตอะไรแบบนั้นมากกว่า
มนุษย์เราเกิดมาเห็นโลกไม่เหมือนกันครับ บางคนเห็นในสิ่งที่เป็นบวก บางคนมองแต่แง่ลบ บางคนเห็นตามที่มันเป็นจริง หรือบางคนก็เห็นมันในแบบที่ต่างออกไป
นาทีที่ผมเขียนบทความนี้ คือนาทีที่ผมกำลังดู End Credits ครับ คือพอดูจบแล้วอยากรีบเขียน อยากรีบชวนให้ทุกท่านได้ลองชมหนังเรื่องนี้กันสักครั้ง
ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตกันอยู่แบบมีข้อจำกัดกันไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะข้อจำกัดทางสังคม ทางฐานะ หรือเพราะเรามีอนาคตให้ต้องรับผิดชอบอีกเยอะ ดังนั้นการใช้ชีวิตแต่ละนาทีก็ต้องคำนึงถึงอนาคตอยู่บ่อยๆ และนั่นเองที่ใครหลายคนอาจเรียกว่ามันคือข้อจำกัด
อีกหนึ่งหนังแนวสร้างแรงบันดาลใจที่สร้างจากเรื่องจริงของ เจสซี่ โอเว่น นักวิ่งผิวสีที่เดินทางไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเมื่อปี 1936 ที่จัดในในประเทศเยอรมนี อันเป็นยุคสมัยที่อดอล์ฟ ฮิตเลอร์และพรรคนาซีกำลังเรืองอำนาจ
จริงๆ หนังเรื่องนี้ควรจะเข้าทางผมอย่างแรงเลยล่ะครับ เหตุผลก็เพราะ ข้อ 1) เป็นหนังว่าด้วยการค้นหาความหมายชีวิต ข้อ 2) หนังมีฉากหลังเป็นช่วงคริสต์มาส หนึ่งในช่วงที่บรรยากาศอบอุ่นกรุ่นหอมที่สุดแห่งปี และ 3) หนังรวมดารายอดฝีมือระดับตัวพ่อตัวแม่เต็มจอไปหมด
หนังไม่ดัง คำวิจารณ์ไม่เด่น และรายได้ก็ทำไปแค่ 8,265 เหรียญเท่านั้น (นี่รายได้จริงๆ นะครับ ไม่ได้ล้อเล่น) แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะบอกได้ว่าหนังเรื่องนี้จะโดนใจเราหรือไม่