กิจวัตรประจำวันอย่างหนึ่งในช่วงนี้ก็คือขุดเอาหนังเก่าๆ ที่ชื่นชอบในอดีตมาดูเพื่อรำลึกความหลัง ขณะเดียวกันก็เพื่อพิสูจน์ด้วยว่าหนังที่เราว่าชอบว่าดีในตอนนั้น พอมาถึงตอนนี้ดีกรีความปลื้มจะยังคงเดิมอยู่หรือไม่
กิจวัตรประจำวันอย่างหนึ่งในช่วงนี้ก็คือขุดเอาหนังเก่าๆ ที่ชื่นชอบในอดีตมาดูเพื่อรำลึกความหลัง ขณะเดียวกันก็เพื่อพิสูจน์ด้วยว่าหนังที่เราว่าชอบว่าดีในตอนนั้น พอมาถึงตอนนี้ดีกรีความปลื้มจะยังคงเดิมอยู่หรือไม่
ธรรมชาติพยายามสื่อสาร สอนสั่ง และตักเตือนเราอยู่เรื่อยๆ ผ่านเรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น
ถ้าว่ากันถึงองค์ประกอบแล้ว หนังเรื่องนี้มีครบสำหรับหนังภัยพิบัติครับ คือมีตัวละครฮีโร่กู้โลก มีภาพภัยพิบัติ ภาพระเบิด ภาพตึกถล่ม มีเงื่อนไขที่เป็นหายนะระดับโลก และที่ขาดไม่ได้คือมีเหตุให้เราลุ้นจนนาทีสุดท้าย
จะแนะนำแบบสั้นๆ นะครับ สำหรับเรื่องนี้ เพราะเพิ่งดูจบหมาดๆ และไม่ใคร่จะมีอะไรให้พูดถึงมากนัก
ผมออกจะแปลกใจหน่อยที่หนังเรื่องนี้คนพูดถึงน้อย ทั้งๆ ที่แนวมันยิ่งใหญ่นะครับ คิดดูดาวหางชนโลกน่ะ ดารานำก็มีระดับ อดีตเจมส์ บอนด์ 007 คนแรก Sean Connery แล้วทำไมมันเงียบเชียบขนาดนี้
เป็นเรื่องปกติที่คนมากมายจะเสียศรัทธาในเทพเจ้าประจำศาสนาของตัวเอง หลังจากต้องสูญเสียคนรักหรือไม่ก็ชีวิตเกิดพังทลายลมครืนลงมา
อ่านเจอรีวิวเมืองนอกอันหนึ่ง คนเขียนบอกว่าเขาชอบ Sharknado มากกว่าเรื่องนี้ซะอีก (555) ถือเป็นคำแซวที่แรงพอตัวล่ะครับ
ผลงานการสร้างและกำกับโดย Irwin Allen เจ้าพ่อหนังแนวผจญภัยและภัยพิบัติที่ขยันทำหนังแนวนี้ออกมา ที่โด่งดังก็มีอย่าง Voyage to the Bottom of the Sea, ซีรี่ส์ Lost in Space และ The Poseidon Adventure เป็นต้นนะครับ ส่วนเรื่องที่ผมกำลังพูดถึงนี่คืองานยุคหลังที่เริ่มไม่ดังและไม่ประสบความสำเร็จสักเท่าไร
ภาพยนตร์แนวระทึกที่เล่นเอาคนดูในโรงมึนกันถ้วนหน้าครับ ถ่ายแบบกล้องวีดีโอเหมือน The Blair Witch Project ส่ายไปส่ายมาทั้งเรื่อง จนถ้าใครสายตาไม่แข็งแรงล่ะมีอันอยากออกจากโรงไปตั้งหลักแทบทุกคน (หรือไม่ก็อาศัยพนักพิงแถวข้างหน้าโอ้กไปก่อนล่ะ ฮ่าๆๆ )
“ถ้าเปรียบคนเป็นเรือ ความเชื่อก็คงเป็นน้ำ
อันว่าน้ำนั้น ลอยเรือได้ ก็จมเรือได้เช่นกัน”
นั่นคือสิ่งที่ผมคิด หลังดู Noah ครับ