ตอนแรกผมนึกว่าเรื่องนี้จะเป็นหนัง Feel Good ดูแล้วยิ้มแย้มเกิดพลัง ครั้นพอดูแล้วมันก็มีส่วนผสมที่ทำให้ยิ้มอยู่เหมือนกันครับ แต่แนวจะหนักไปทางดราม่า สะท้อนความจริงของชีวิตอะไรแบบนั้นมากกว่า
ตอนแรกผมนึกว่าเรื่องนี้จะเป็นหนัง Feel Good ดูแล้วยิ้มแย้มเกิดพลัง ครั้นพอดูแล้วมันก็มีส่วนผสมที่ทำให้ยิ้มอยู่เหมือนกันครับ แต่แนวจะหนักไปทางดราม่า สะท้อนความจริงของชีวิตอะไรแบบนั้นมากกว่า
หนังซอมบี้ยังคงมีออกมาเรื่อยๆ ครับ ส่วนหนึ่งคงเพราะยังไงก็พร้อมจะมีคนดูอยู่เสมอ จะเข้าโรงหรือออกแผ่นก็ได้ ยังไงก็มีคนรอเสพ ขอเพียงไม่ทำออกมาขี้ริ้วจนเกินไป (แต่จริงๆ ขนาดบางเรื่องขี้ริ้วก็ยังมีคนดู จนทำรายได้ให้หนังไม่ขาดทุนก็มี)
สำหรับผมแล้ว เรื่องนี้ขึ้นลิสต์ว่าต้องดูครับ เหตุผลง่ายๆ ก็คือมีเจ้าป้าคนโปรด Maggie Smith นำแสดง
กลายเป็นว่าเรื่องนี้ออกมาโอแบบคาดไม่ถึงครับ เพราะพล็อตกับหน้าหนังแม้มันจะว่าใหม่ แต่ก็ไม่เชิงใหม่ซะทีเดียว แต่อย่างน้อยสำหรับ แค่มี Anna Kendrick แล้วบวกด้วย Tim Roth เข้าไป ความน่าสนใจก็ถือว่าเยอะพอตัวล่ะ
มนุษย์เราเกิดมาเห็นโลกไม่เหมือนกันครับ บางคนเห็นในสิ่งที่เป็นบวก บางคนมองแต่แง่ลบ บางคนเห็นตามที่มันเป็นจริง หรือบางคนก็เห็นมันในแบบที่ต่างออกไป
ถือเป็นหนังอีกเรื่องที่มาในทางเดียวกับ Step Up ครับ เรื่องของพระ-นางที่มีความสามารถในเชิงดนตรีที่มาจากโลกที่ต่างกัน ได้มารู้จักกัน และเกิดความรักต่อกัน
แม้นี่จะเป็นหนังแอ็กชันผสมฮา แต่ยอมรับว่าดูแล้วไม่ถึงกับโดนสักเท่าไร ส่วนหนึ่งคงเพราะสไตล์ของหนังมันไม่ได้เป็นแบบ Rush Hour หรือ Ride Along แต่มันไปมีส่วนผสมของหนังอย่าง Borat และ Bruno ซะเยอะเชียว
จริงๆ หนังเรื่องนี้มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยครับ เพียงแต่ความสดใหม่อาจไม่ถึงกับมากมาย ส่วนหนึ่งก็เพราะหนังมาหลัง The Martian ที่ว่าด้วยดาวอังคารเหมือนกัน และธีมเรื่องยังดูใหญ่กว่าด้วย (แม้จะคนละแนวกันก็ตาม)
อยากรู้เหมือนกันครับว่าทำไมหนังสัญชาติตุรกีเรื่องนี้ถึงได้เรตคะแนนตั้ง 7.8 ที่ IMDB (จากคนโหวตประมาณ 10,000 คนน่ะครับ) พอได้ดูแล้วก็รู้สึกว่าเป็นหนังที่ดูเพลินดีเหมือนกัน
และนี่คือภาคต่อของ King Arthur นะครับ ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าจะมีการทำภาคต่อออกมาเร็วขนาดนี้ 555 ที่พูดไปทั้งหมดนั้นพูดเล่นล้วนๆ ครับ นี่ไม่ได้เป็นภาคต่งภาคต่ออะไรหรอก ไม่ได้เกี่ยวกับ King Arthur ของ Guy Ritchie ทั้งสิ้น