อีกหนึ่งสารคดีดูสนุกจาก History Channel ครับ คราวนี้ได้ Henry Winkler มาเป็นพิธีกรกับการพาเราไปพบกับเรื่องราวในอดีตที่ว่าด้วย “อันตราย” ในรูปแบบต่างๆ ที่มนุษย์เข้าไปข้องเกี่ยวข้องแวะด้วย โดยปีแรกนี่จะมี 8 ตอนครับ แต่ละตอนก็จะมาพร้อมกับเรื่องราวสั้นๆ ที่น่าสนใจ
ตอน Perilous Play ก็ว่าด้วยของเล่นสุดอันตรายในอดีตครับ เช่น กาลครั้งหนึ่งชุดของเล่นวิทยาศาสตร์ของเด็กอเมริกัน มีสารกัมมันตรังสีของจริงแถมมาในชุดด้วย, สไลเดอร์ตามสวนน้ำยุคนี้ต้องหมองไปเลย เมื่อยุคหนึ่งสไลเดอร์ทำเป็นอุโมงค์แบบม้วนครับ ให้คนเล่นได้ไถลลงมาแล้วโดนม้วนขึ้นไปก่อนจะไถลลงน้ำ แต่คนที่เล่นมักจะมีบาดแผลปริศนาเกิดขึ้นเสมอ
ตอน Spectacular Stunts พาเราไปดูการแสดงผาดโผนที่โคตรอันตรายอย่างการโดดไปมาบนเครื่องบินกลางอากาศโดยไม่มีอุปกรณ์เซฟใดๆ หรือกีฬามวยปล้ำที่ให้คนไปปล้ำกับหมีตัวเป็นๆ หรือการโชว์ผาดโผนให้คนขี่ม้าแล้วพุ่งลงมาที่สระน้ำ
ตอน Mad Medicine เชื่อหรือไม่ว่าสมัยก่อนคนสามารถหาซื้อเฮโรอีนตามร้านขายยา, ไหนจะการช็อคด้วยไฟฟ้าที่ผู้ให้บริการรับประกันว่าจะสามารถเพิ่มสมรรถภาพทางเพศให้ท่านได้ หรือยุคหนึ่งที่บุหรี่เคยมีการโฆษณาว่าสูบแล้วจะทำให้คอโล่ง ช่วยลดอาการของโรคทางเดินหายใจทั้งหลายได้
ตอน Precarious Products ว่าด้วยผลิตภัณฑ์อันตรายครับ อย่างมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ตู้เย็นเคยมีสารอันตรายอยู่ในนั้น และมันน่ากลัวจนทำให้คนมากมายต้องเอาตู้เย็นไปตั้งไว้นอกบ้าน, สเปรย์พ่นสำหรับตกแต่งวันคริสต์มาสที่มาพร้อมสารพิษที่แรงพอจะทำให้คนตายได้ และเคยมีบริการสั่งลิงมาเลี้ยงโดยส่งให้ท่านถึงบ้านผ่านไปรษณีย์ แล้วมันก็ฮิตมากๆ ซะด้วย แต่กลายเป็นว่าทุกคนที่สั่งลิงมา ก็จะได้เจอเซอร์ไพรส์ที่ทำให้ตัวเองต้องเจ็บตัว
ตอน Very Extreme Sports ว่าด้วยกีฬาอันตรายเมื่อวันวาน เช่น เมื่อกาลครั้งหนึ่งอเมริกันฟุตบอลเคยทำให้ผู้เล่ยเสียชีวิตปีละ 19 คน, กว่าจะมีหน้ากากในกีฬาฮ็อคกี้นั้น มีคนต้องใบหน้าแตกจนต้องเย็บแผลสดๆ กลางลานน้ำแข็งไปแล้วกี่คน, มีกีฬาเดินทนที่เดินติดต่อกันนาน 6 วันโดยไม่มีพัก แล้วหลังจากนั้นก็มีกีฬาปั่นจักรยานทนที่ผู้ลงแข่งต้องปั่นจักรยานต่อกันโดยไม่มีพักเป็นเวลา 6 วันติดต่อกัน
ตอน Treacherous Travel ว่าด้วยผลพวงจากการเดินทางในรูปแบบต่างๆ ในอดีต เช่น ในยุคที่เรายังใช้รถม้านั้น ปัญหาของรถม้าคือเมืองจะเต็มไปด้วยมูลม้า อันก่อให้เกิดโรคไทฟอยด์ที่ทำให้คนตาย 20,000 คนต่อปี ยิ่งกว่านั้นยังมีซากม้าตายที่เกิดจากการโดนใช้งานอย่างหนัก โดยเฉลี่ยแล้วมีซากม้าเพิ่มในเมืองวันละ 40 ตัว และบางตัวก็ถูกทิ้งอยู่ตรงนั้นจนเกิดการย่อยสลาย
ยุคแรกของการขับรถที่ยังไม่มีข้องบังคับเรื่องใบขับขี่ เกิดอุบัติเหตุมากมาย และจะจอดรถตรงไหนก็ได้, หรือยุคแรกของการนั่งเครื่องบินที่ผู้โดยสารจำนวนมากต้องเมาเครื่องจนอาเจียนออกมา ไม่ว่าจะเพราะแรงสะเทือนของใบพัดเครื่อง หรือเพราะกลิ่นน้ำมันนั่นนี่ และกาลครั้งหนึ่งเคยมีการส่งเด็ก 8 ขวบไปทางไปรษณีย์ และที่บ้าคือพอเรื่องนี้เป็นข่าว แทนที่จะมีการตำหนิพ่อแม่เด็กที่ทำแบบยี้ ดันมีคนทำตามอีกเพียบ เพราะการส่งเด็กไปทางไปรษณีย์แบบนี้มันราคาถูกกว่าการต้องเสียค่าเดินทางไปส่งเด็กด้วยตนเอง!
ตอน Food Fiascos ว่าด้วยอาหารที่ผสมอันตรายเข้ามาด้วย เช่น มีเครื่องดื่มชูกำลังผสมเรเดียมเข้าไป นั่นเท่ากับคนที่ดื่มต้องรับกัมมันตภาพรังสีเข้าไปเต็มๆ, หรือเรื่องของนมกากเหล้า ที่เกิดในยุค 1800 เมื่อนมหายาก ค่าใช้จ่ายในการผลิตสูง เลยมีคนคิดเอากากเหล้าที่เกิดจากการกลั่นวิสกี้มาให้วัวกินแทนธัญพืชเพื่อประหยัดต้นทุน แต่ผลก็คือ นมวัวออกมาเป็นสีน้ำเงินซึ่งดูไม่น่ากิน แล้วก็มีคนเอาไข่กับแป้งผสมลงไปเพื่อปรับสภาพให้มันดูดีขึ้น แต่พอสภาพยังดูไม่ดีก็มีการเติมปูนปลาสเตอร์ลงไป และเพื่อให้นมดูมีครีมลอยด้านบนก็มีการบดสมองลูกวัวใส่ลงไป และบางคนถึงกับใช้ฟอร์มัลดีไฮด์ใส่ลงไปเพื่อยืดอายุในการเก็บรักษา
หรืออย่างเรื่อง “ศึกขนมปังขาว” เมื่อยุคหนึ่งขนมปังขาวได้รับความนิยมอย่างมาก และมีการขายขนมปังขาวแบบเป็นปอนด์ ก็มีพ่อค้าบางคนตัดสินใจลดปริมาณแป้งสาลี แล้วเติมขี้เลื่อย, ปูนปลาสเตอร์ และสารส้มลงไปเพื่อเพิ่มน้ำหนัก จะได้ขายได้ราคามากขึ้น
และในยุคแรกๆ ของการขายน้ำอัดลม มันถูกโฆษณาขายในฐานะเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพและรักษาโรคได้ อย่างโค้กที่เคยผสมโคเคน (ในยุคโน้นเลยนำครับ ไม่ใช่ยุคนี้) ซึ่งในเวลาต่อมาก็มีการออกกฎหมายควบคุมไม่ให้ใส่โคเคน หรือเครื่องดื่มเซเว่นอัพที่คนผลิตอยากใส่ส่วนผสมที่เชื่อว่าจะทำให้คนดื่มสดชื่น เลยมีการผสมลิเธียมกับโซเดียมซิเตรตลงไป (ขอย้ำอีกครั้งว่ายุคโน้นนะครับ ยุคเริ่มแรก ไม่ใช่ในปัจจุบัน) ซึ่งลิเธียมมีฤทธิ์กดประสาท ทำให้คนสงบได้ จนในยุคนี้นำมาใช้รักษาอาการไบโพลาร์ ซึ่งในปี 1949 จึงมีการออกกฎหมายไม่ให้ผสมลิเธียมในผลิตภัณฑ์อาหาร
บอกได้เลยว่าสนุกครับ รายการนี้ดูสนุกมาก แต่ละเรื่องที่เอามาเล่าก็ทำให้ทั้งฉงน ทั้งว้าว และขบขันไปในคราวเดียวกัน แต่ก็แน่นอนว่าพอเล่าถึงตอนที่ต้องมีคนตายนี่ก็อดสลดใจไม่ได้ครับ และมันทำให้เราตระหนักเลยนะว่ามนุษยชาติเรานี่ก็เคยทำอะไรที่มันอันตรายได้แบบหน้าตาเฉย ทั้งแบบที่รู้และไม่รู้ตัว
อีกหนึ่งสารคดีสนุกๆ ที่เชื่อว่าคอสารคดีแนวประวัติศาสตร์แบบย่อยง่ายน่าจะชอบกันครับ
สามดาวครับ
(8/10)












