หนังของลุง Woody Allen ที่ทำขึ้นเพื่อคารวะหนังเก่าของ Ingmar Bergman เรื่อง Sommarnattens leende หรือ Smiles of a Summer Night ครับ
เรื่องของคู่สามีภรรยา แอนดรูว์ (Woody Allen) และเอเดรียน (Mary Steenburgen) ที่เชิญคู่รัก 2 คู่มาหย่อนใจที่บ้านในชนบทของเขา คู่แรกคือเลียวโพลด์ (José Ferrer) และแอเรียล (Mia Farrow) ที่กำลังจะแต่งงานกัน กับคู่ของแม็กซ์เวลล์ (Tony Roberts) และดัลซี่ (Julie Hagerty) ที่เพิ่งจะคบหากันใหม่ๆ
แต่เรื่องวุ่นก็เกิดครับ เพราะแอนดรูว์กับเอเดรียนน่ะกำลังอยู่ในช่วงไฟรักเริ่มมอด แล้วแอนดรูว์ยังเคยมีอดีตกับแอเรียลอีก ส่วนแม็กซ์เวลล์แม้จะควงคู่มากับดัลซี่ แต่พี่ท่านก็แอบเมียงมองแอเรียลอยู่เหมือนกัน ในขณะที่เลียวโพลด์เองก็แอบสนใจดัลซี่อยู่ไม่น้อย แล้วเรื่องรักเรื่องใคร่แสนวุ่นอีรุงตุงนังจึงเริ่มขึ้นจนได้
เป็นหนังของลุง Woody ที่ถือว่าดูได้เรื่อยๆ ครับ ดาราแสดงกันดี เนื้อเรื่องก็นุงนังวุ่นวายแต่ก็ชวนให้ดูต่อไปเรื่อยๆ อยู่ ส่วนสาระแง่คิดก็เหมือนจะเน้นไปที่เรื่องของชีวิตคู่ครับ สะท้อนให้เห็นถึงคู่รัก 3 คู่ที่แต่ละคู่ก็อยู่กันคนละพีเรียด ไม่ว่าจะคู่สดใหม่เพิ่งคบกัน, คู่ที่คบกันจนจะแต่งงาน (แต่ยังไม่ได้แต่ง) กับคู่ที่แต่งนานแล้วนานอะไรๆ เริ่มจืดจาง แต่ละคู่แต่ละพีเรียดก็จะมีรายละเอียดต่างกันไป ซึ่งผมว่าใครที่เคยผ่านการมีแฟนหรือมีคู่ชีวิตมานานในระดับหนึ่งก็น่าจะหัวเราะหึๆ กับหลายๆ สถานการณ์ และหลายๆ การตัดสินใจของตัวละคร
แต่จุดที่หนังค่อนข้างจะเน้นเยอะหน่อยคือเรื่องของแอนดรูว์กับแอเรียลที่เคยมีใจให้กันมาก่อน และเคยเกือบจะทำอะไรต่อมิอะไรต่อกันแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นน่ะไม่ได้ทำ มันเลยเป็นอะไรที่ค้างคาในใจของแอนดรูว์มาตลอด ว่าถ้าตอนนั้นเขาตัดสินใจกระทำมันลงไปแล้ว เส้นชีวิตของเขามันจะต่างจากนี้ไหม
อันคำว่า What If หรือ ถ้าหากว่า เนี่ย เชื่อว่าหลายคนก็คงเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับมันมาบ้างอย่างน้อยก็สักครั้งในชีวิตน่ะนะครับ ว่าถ้าเราทำสิ่งนั้นไป ชีวิตเราจะเป็นยังไง มันจะเปลี่ยนไปไหม คำที่เหมาะกับวาระแบบนั้นก็คงเป็นคำว่า ทางแยกของชีวิตน่ะครับ ซึ่งบางครั้งการเลือกหรือไม่เลือกของเรามันก็ส่งผลต่อชีวิตเราจริงๆ นั่นแหละ
แต่ในฐานะที่เคยใคร่ครวญเกี่ยวกับคำนี้มาก่อน ก็เลยอยากจะแบ่งปันว่า คิดถึงมันน่ะคิดได้ครับ แต่อย่าให้มันมาส่งผลถ่วงชีวิต หรือปล่อยให้มันมาทำให้เราเสียใจเสียดายว่าทำไมตอนนั้นถึงไม่ทำน้า รู้งี้ตัดสินใจแบบนั้นดีกว่า – คือถ้ามันยังพอเปลี่ยนได้หรือกลับไปเลือกได้น่ะก็เรื่องหนึ่งครับ แต่หากมันเลยผ่านจุดนั้นมาเนิ่นนานแล้ว จนทางเดียวที่จะเปลี่ยนได้คือต้องนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลาไปแล้วเลือกใหม่ คือถ้าแบบนั้นก็ปล่อยวางอดีตแล้วหันมาสนใจปัจจุบันเถอะครับ อย่าให้อดีตมากวนปัจจุบันจนส่งผลเชิงลบต่ออนาคตเลย
หรือถ้าใจอยากเลือกจริงๆ ก็คิดจากจุดที่เรายืนอยู่ครับ มองจากมุมปัจจุบัน แล้วค่อยพิจารณาว่าจากจุดนี้เราจะสามารถเลือกอะไรต่อไปได้อย่างไรบ้าง – คิดแบบนี้จะมีความเป็นไปได้มากกว่าการเอาแต่คิดถึงอดีตที่ล่วงผ่านเลยมาแล้ว – แต่ถ้าจะใช้เรื่องราวในอดีตมาสอนใจนั่นก็อีกเรื่องครับ
กลับมาที่หนังนะครับ ก็ถือว่าดูได้เรื่อยๆ เพลินๆ หนังเล่าได้ลื่นไหลตามประสาของลุง Woody มีอะไรให้เก็บไปคิดโดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับความรัก ความใคร่ และชีวิตคู่ พวกอารมณ์ขันนี่ก็ถือว่าพอมีครับ เพียงแต่อาจยังไม่ถึงขั้นกลมกล่อมลงตัวหรืออร่อยเหาะเท่าผลงานก่อนๆ อย่าง Love and Death, Annie Hall หรือ Manhattan
แต่ไม่รู้ทำไมนะ เวลาถึงฉากที่ Steenburgen พยายามโดดเข้าใส่ลุง Woody เพื่อจะทำอะไรต่อมิอะไรนี่ผมฮาทุกที ด้วยภาพ ด้วยท่าทาง ด้วยคำพูดมันกระตุกเส้นผมสุดๆ ไปเลย 5555
และเกร็ดเล็กๆ ที่อยากเล่าก็คือ ตอนแรกบทแอเรียลนั้นลุง Woody แกเขียนขึ้นสำหรับ Diane Keaton ครับ แต่เรื่องจากช่วงนั้นเธอติดงานโปรโมตหนังเรื่อง Reds และไหนจะต้องไปแสดงหนังเรื่อง Shoot the Moon ของ Alan Parker อีก บทเลยตกเป็นของ Mia Farrow แทน
สองดาวกว่าๆ ครับ
(6.5/10)
หมวดหมู่:Comedy, Movie Reviews












