Comedy

The House Bunny (2008) บันนี่สาว หัวใจซี้ด

ผมชอบเรื่องนี้ตั้งแต่ดูรอบแรกตอนออกแผ่นน่ะครับ แล้วพอดีวันนี้เกิดอยากดูอะไรก็ได้ที่มันง่ายๆ เบาๆ ไม่ต้องคิดเยอะ เพราะต้องดูไปทำงานไป แล้วก็เห็นเรื่องนี้พอดีเลยจัดซะ และผลลัพธ์ก็คือ มันทำให้ผมยิ้มอย่างมีความสุขตลอดการดูไปทำงานไปเลยล่ะครับ

จริงๆ พล็อตก็ถือว่าช่างคิดนะครับ ตัวเอกคือสาวเพลย์บอยนามว่าเชลลี่ย์ (Anna Faris) ที่มีเหตุให้ต้องระเห็จออกจากเพลย์บอยแมนชั่น เธอเลยไปตั้งหลักชีวิตใหม่ด้วยการเป็นแม่บ้านให้กับหอพักซีต้าที่ชาวหอล้วนเป็นหญิงสาวที่มีความเป็นตัวของตัวสูง – ซึ่งมักจะถูกมองว่าเป็นพวกเนิร์ด พวกเฉิ่ม หรือพวกนอกสายตา – เลยไม่ค่อยมีหนุ่มๆ มาข้องแวะ รวมถึงไม่ค่อยมีสมาชิกใหม่มาสมัครเข้าหอ จนส่งผลให้พวกเธออาจจะต้องเสียหอนี้ไปหากไม่สามารถหาสมาชิกใหม่ได้ถึง 30 คน

แล้วก็ตามสูตรครับ เชลลี่ย์เลยมาพร้อมความเปลี่ยนแปลง เธอจัดการยกเครื่องสาวๆ จากเฉิ่มให้เป็นสาวเช้ง จนทำให้หอป็อบปูลาร์ขึ้นมา แต่ก็แน่นอนว่าหนังแนวนี้มันต้องมีอุปสรรคมาขวาง มาบั่นทอนกำลังใจตัวเอก ซึ่งเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อนั้นก็สามารถหาคำตอบได้จากในหนังครับ

ถ้าถามว่าผมชอบอะไรในหนัง อย่างแรกเลยคือผมรู้สึกว่าหนังมันเต็มไปด้วยพลังบวกน่ะครับ พลังที่ว่ามาจากเขลลี่ย์เป็นหลัก คือเธอออกแนวเป็นสาวแบ๊วแบบแบ๊วแท้ (คือไม่ได้แอ๊บ) ซื่อๆ ใสๆ แล้วก็โลกสวยแบบสุดๆ ซึ่งผมชอบที่หนังและ Faris ทำให้ตัวละครนี้ออกมาในโทนน่ารัก และน่าเอาใจช่วย ไม่ได้ดูละเมอเพ้อพกจนเกินไป แล้วก็ไม่ได้ดูน่ารำคาญน่ะครับ

ผมว่าจุดเด่นจริงๆ ของเธอเลยคือ เธอเป็นคนมีความจริงใจ ไม่คิดร้ายกับใคร แล้วด้วยความน่ารักทั้งหลายนี้เลยทำให้เราอยากให้เธอได้พบเจอแต่เรื่องดีๆ และมีบทลงเอยที่ดี ซึ่งผมว่า Faris แสดงบทนี้ได้น่ารักมาก และผมไม่เถียงนะครับว่าบทของเธออาจจะโมโนโทนไปหน่อย อาจจะไม่ได้มีมิติความลึกอะไรมาก ซึ่งจริงๆ ถ้ามีมิติมากกว่านี้ก็คงดี คงทำให้หนังดูมีอะไรมากขึ้น แต่เท่าที่เป็นนี่ผมว่ามันก็สนุกและน่ารักในแบบของมันในระดับที่น่าพอใจอยู่ครับ

และสำหรับผมที่ชอบดูหนังพากย์ไทย ก็ยิ่งชอบเขลลี่ย์มากขึ้นไปอีก ด้วยเสียงพากย์ของคุณสุมาลี สุธีรธรรมที่เพิ่มความน่ารักให้กับเชลลี่ย์ได้อย่างยอดเยี่ยม คือเธอดูจริงใจอยู่แล้วใช่ไหมครับ มาเจอเสียงนี้โทนนี้เข้าไปอีก ยิ่งจริงใจหนักเข้าไปใหญ่ และน่ารักเพิ่มขึ้นไปอีกเป็นทวีคูณ – ความสุขของคนดูหนังพากย์ไทยจริงๆ ครับ

ส่วนดาราคนอื่นก็ถือเป็นส่วนเสริมให้หนังได้ดีอยู่ครับ แต่ผมสารภาพเลยนะว่าจำไม่ได้จริงๆ ว่าเรื่องนี้ Emma Stone กับ Kat Dennings เล่นด้วย สงสัยตอนดูรอบแรกคงยังจำพวกเธอไม่ได้น่ะครับ แต่คนที่ผมจำได้แม่นเลยคือ Rumer Willis ลูกสาวของป๋า Bruce Willis และ Demi Moore ที่จำได้เพราะเรื่องนี้เธอน่ารักและดูเด่นมากจริงๆ เข้าตาอย่างจังเลย

ตัวหนังนั้นถือว่าดูได้เพลินๆ ครับ ตอบโจทย์ความบันเทิงได้ไม่เลว ส่วนสาระก็ถือว่าพอมีแต่ก็ไม่ได้ลงลึกอะไรมาก แล้วในแง่ความกลมกล่อมของสาระก็อาจยังไม่ถึงขั้นเป็นเนื้อเดียวกันนัก แต่ก็โอเคล่ะครับสำหรับการสื่อว่าเราควรเป็นในสิ่งที่เราเป็น ไม่ควรฝืนเป็นอะไรที่ไม่ใช่เรา แต่ขณะเดียวกันหากเราจะพัฒนาหรืออัพเกรดตัวเองบ้าง ไม่ว่าจะเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมหรือทักษะความสามารถ เราก็สามารถพัฒนาไปพร้อมๆ กับยังเป็นตัวของตัวเองได้ มันต้องหาค่ากลางให้เจอน่ะครับ ซึ่งผมเชื่อนะ ว่ามันจะมีจุดพอดี จุดที่เรายังเป็นเราได้ แต่จะเป็นเราในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้น เติบโตขึ้น ลุ่มลึกขึ้น

ถือเป็นหนังที่เพลินดีครับ สนุก เบาๆ ฮาๆ ซึ่งในแง่ความฮาอาจไม่ถึงขั้นฮาแตกนะครับ แต่ผมว่ามันกำลังดีน่ะ น่ารักดี อีกอย่างคือผมนับหนังเรื่องนี้อยู่ในหมวดหนัง Feel Good ด้วยครับ เพราะดูทีไรมันแฮปปี้ มันได้พลังบวก แม้ว่าตัวหนังมันอาจจะดูลาเวนเดอร์โลกสวยแบบสุดๆ ไปหน่อยก็เถอะ แต่ผมว่ามันก็ไม่ผิดครับหากเราจะแวะเวียนมาดูหนังที่เติมพลังให้เราบ้าง ยิ่งในช่วงเวลาที่โลกแห่งความจริงมันหนักหนาสาหัส บางทีก็พักใจกับหนังแบบนี้ก็เป็นทางออกอย่างหนึ่งที่ไม่เลว

ตัวหนังถือว่าทำเงินพอดูครับ ทำไป $70 ล้านจากทั่วโลก เมื่อพิจารณาจากทุน $25 ล้านก็ถือว่ากำไรล่ะ

สองดาวกว่าๆ บวกๆ ครับ

(6.5/10)