ชาร์ลี เฮลเลอร์ (Rami Malek) คือเจ้าหน้าที่ CIA ที่ต้องสูญเสียภรรยาไป (Rachel Brosnahan) โดยผู้ก่อการร้ายที่ลงมือสังหารเธออย่างเลือดเย็น และเมื่อเขาตระหนักว่า CIA จะไม่ทำการสืบสวนเรื่องนี้แบบจริงจัง พี่ท่านเลยลุยเองเลยครับ หาทางลงสนามและล่าพวกผู้ร้ายเอง แม้เขาจะไม่ได้เป็นสายลับสายลุยภาคสนามก็เถอะ แต่พี่เขามีสมองครับ เลยใช้สมองนี่แหละในการสืบและลุย
ผมชอบครับ หนังแนวสายลับแบบนี้ ทำให้คิดถึงหนังแนวนี้ที่มีการทำออกมาเยอะในช่วงยุค 90 และ 2000 เลย กับเรื่องนี้ก็ต้องบอกก่อนครับว่ามันไม่ได้เน้นแอ็คชั่น คือมีฉากต่อสู้ มีการยิงกัน แล้วก็มีระเบิดระเบ้อบ้างตามท้องเรื่อง แต่ไม่ได้มาเยอะแบบหนังเจมส์ บอนด์ แต่จะออกแนวสายลับแบบใช้สมอง ใช้ปัญหาในการแก้ปัญหาและไขปริศนา ดังนั้นถ้าใครคาดหวังความมันส์ล่ะก็ ต้องปรับความคาดหวังด่วนครับ
ส่วนตัวผมมองว่าไม่ใช่ทุกคนหรอกครับที่จะชอบหนังเรื่องนี้ เพราะมันไม่ได้ตื่นเต้นเร้าใจหรือหวือหวาอะไรมาก แต่จะออกแนวเล่าเรื่องไปทีละสเต็ป เริ่มจากเล่าให้เราเห็นว่าชาร์ลีเสียใจเพียงไรกับความสูญเสียครั้งนี้ อันทำให้เราเชื่อว่าพลังความเสียใจนี้มันมากพอที่จะทำให้เขาโดดลงสนามไปล่าพวกมันด้วยตัวเอง จากนั้นก็เล่าให้เราเห็นว่าชาร์ลีเดินเกมอย่างไรเพื่อให้ตนสามารถไปล่าพวกมันได้โดยไม่โดนพวก CIA มาขวางทางซะก่อน ครั้นพอตอนที่เขาลงสนามไปเขาก็ไม่ได้ลุยถล่มแบบสายลุย แต่มักจะใช้แผนหรือไม่ก็วางสถานการณ์เพื่อเอื้อให้เขาสามารถจัดการพวกมันได้ตามความถนัดของเขา
ดังนั้นตลอดทั้งเรื่องเราเลยจะไม่ค่อยได้เห็นฉากแอ็คชั่นครับ แต่จะเห็นชาร์ลีทำนั่นทำนี่ตลอดเรื่อง ซึ่งสำหรับผมนี่ผมชอบนะ ผมชอบที่หนังเล่าแบบลงรายละเอียดให้เราได้รู้ได้เห็นวิธีคิดและวิธีเดินเกมของชาร์ลี แต่ละฉากที่ดำเนินไปนั้น หากท่านที่ชอบความหวือหวาเร้าใจก็อาจรู้สึกว่ามันน่าเบื่อ แต่ถ้าท่านชอบหนังสายลับแบบใช้สมองใช้แผนล่ะก็ ท่านจะรู้สึกได้ครับว่าทุกฉากทุกตอนมันมีความหมาย มันมีรายละเอียดให้เราติดตาม มันสะท้อนวิธีคิดของชาร์ลี และมันมีแง่มุมให้เราเก็บไปคิด ไม่ได้ใส่ลงมาอย่างงั้นๆ เพื่อให้ครบเวลา
และในแง่หนึ่งหนังก็เดินเรื่องแบบเหมือนเปิดนิยายไปทีละหน้าครับ ซึ่งก็ถูกต้องแล้วเพราะหนังดัดแปลงจากนิยายของ Robert Littell อันนี้ก็เลยถือว่าเข้าทางผมอีกแล้วครับ ชอบอยู่แล้วหนังที่เดินเรื่องสไตล์เนี้ย
และระหว่างทางหนังก็ยังมีแง่มุมที่น่าสนใจของสายลับมานำเสนอให้เราได้สัมผัสครับ อย่างตอนที่สายข่าวของชาร์ลีที่ใช้รหัสว่าอินควิไลน์แบ่งปันความรู้สึกกับชาร์ลี ว่าการจากไปของคนรักนั้นมันส่งผลต่อเธออย่างไร เพราะวิถีชีวิตของเธอนั้นก็จัดว่าต้องโดดเดี่ยวมากพออยู่แล้ว ครั้นคนข้างกายมาตายจากไป เมื่อเสียงช้อนส้อมอีกคู่ เสียงแก้วน้ำอีกใบ หรือเสียงเปิดปิดประตูอีกเสียงที่ปกติเธอจะได้ยินยามอยู่กับสามี เมื่อเสียงเหล่านั้นเงียบหายไป มันส่งแรงสะเทือนถึงจิตใจของเธอขนาดไหน – ยอมรับว่าฟังแล้วนึกความรู้สึกออกเลยครับ
และบอกตรงๆ ว่าผมนี่แอบสะใจทุกครั้งยามที่ชาร์ลีหลอกพวก CIA ให้หลงทางได้ กลายเป็นว่าหนังสามารถทำให้เราคนดูอย่างผมซึมลึกลงไปกับเรื่องราวได้มากขึ้นๆ จนแอบอินและแอบเอาใจช่วยชาร์ลีไปแบบไม่รู้ตัว จุดนี้ต้องขอชม Malek ที่แสดงบทนี้ได้อย่างน่าปรบมือ พี่ท่านดูเป็นเนิร์ดได้อย่างน่าเชื่อ แล้วก็ดูมีความมุ่งมั่นพอที่จะทำอะไรแบบนี้ได้จริงๆ แล้วก็ต้องขอชมผู้กำกับ James Hawes ที่คุมหนังได้ดีครับ โทนของหนังกับจังหวะการเล่านี่ถือว่าพอเหมาะ มีความกลมกล่อมพอดีในแบบของมัน
แต่กระนั้นระหว่างดูก็ยังแอบติดใจหน่อยๆ เรื่องความเก่งของชาร์ลีน่ะครับ ประมาณว่าพี่เขาเป็นนักวิเคราะห์มานาน ครั้นพอลงสนามแล้วสามารถเอาตัวรอดได้เรื่อยๆ นี่ก็แอบคิดเหมือนกันว่ามันก็โม้อยู่นะ บางวาระนี่ถึงขั้นทำเอา CIA สายลุยบางคนพลาดท่าได้ แต่ผมก็พยายามมองน่ะนะครับ ว่าหนังอาจสะท้อนให้เห็นว่า CIA สายลุยก็มีกรอบแนวคิดแบบหนึ่ง ซึ่งการที่พวกนั้นพลาดท่าชาร์ลีก็เพราะหลายแผนที่ชาร์ลีใช้นั้นมันมาจากการคิดตามแบบนักวิเคราะห์ซึ่งอาจจะถือได้ว่าเป็นสิ่งนอกกรอบสำหรับ CIA สายลุยก็คงได้ ดังนั้นจึงพอเข้าใจได้ที่วิธีของชาร์ลีจะสามารถป่วน CIA สายลุยได้
ดังนั้นผมแนะนำเลยครับสำหรับคนที่ชอบหนังแนวสายลับสายวิเคราะห์ออกสนามมาลุยด้วยตัวเอง ส่วนหนึ่งอาจเพราะหลังๆ หนังแนวนี้ไม่ค่อยมีออกมาด้วยน่ะครับ พอได้ดูผมเลยรู้สึกชอบมันมากหน่อย
แต่แอบเห็นใจครับที่หนังทำเงินไม่เยอะพอ คือทำไป $96 ล้านจากทั่วโลก แต่พอดีทุนสร้างมัน $60 ล้านน่ะครับ ก็เลยติดตัวแดงอยู่พอตัว ก็ขอให้โปะทุนได้ตอนฉายสตรีมมิ่งก็แล้วกันครับ
สองดาวครึ่งครับ
(7/10)
หมวดหมู่:Action, Movie Reviews, Recommended Movies, Thriller












