ตอนนี้รายการจะพาเรากลับไปสู่เรื่องของการเวียนว่ายตายเกิด การกลับชาติมาเกิด และการระลึกชาติ โดยจะมีการบันทึกเทปภาพการบำบัดด้วยการสะกดจิตที่ผู้บำบัดกล่าวว่าสามารถใช้ในการระลึกถึงไปถึงอดีตชาติได้
ผู้บำบัดที่มาออกรายการนี้คือ Debbie Papadakis ผู้เชี่ยวชาญด้านการสะกดจิตเพื่อระลึกชาติ ซึ่งเธออธิบายหลักการว่าเธอนั้นจะพาผู้รับการบำบัดเจาะลึกไปสู่ภายในและนำเอาสิ่งที่อยู่ภายในนั้นออกมาเพื่อศึกษาและทำความเข้าใจ โดยเธอเปรียบเทียบการทำงานของเธอกับนักโบราณคดี ที่นักโบราณคดีจะขุดค้นโบราณวัตถุขึ้นมาแล้วศึกษาย้อนรอยไปถึงอดีต ส่วนเธอก็ทำแบบนั้นแต่จะเป็นกับจิตใจภายในส่วนลึกของคน
ส่วนผู้ที่ยังกังขากับเรื่องนี้อย่าง Joe Nickell มองว่าการระลึกชาติ รวมถึงเรื่องผีสาง คือตำนานที่มีไว้ปลอบโยนผู้คน ให้รู้สึกว่าความตายไม่ใช่จุดจบ เรายังไปต่อได้หลังจากตายแล้ว เพื่อลดความกลัวตรงนี้ เหมือนคนที่เชื่อเรื่อง UFO เพื่อบรรเทาความรู้สึกที่ว่า “เราอยู่เดียวดายในจักรวาลหรือเปล่า” หรือเรื่องการทำนายอนาคตที่มีอานุภาพลดความวิตกกังวลต่อสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
Richard Syrett ยังมีคำถามในเชิงว่า เป็นไปได้ไหมว่าสิ่งที่เราเข้าใจว่าคือความทรงจำจากชาติก่อน แท้จริงแล้วคือจินตนาการอันไม่สิ้นสุดของมนุษย์ที่คอยเติมเต็มช่องว่างต่างๆ ในจิตใจและความทรงจำ ซึ่ง Papadakis ก็ให้คำตอบในเชิงว่า เธอทำการบำบัดมานับพันครั้ง และทุกครั้งที่เธอถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องในอดีตชาติของพวกเขา พวกเขาก็จะสามารถตอบได้ตรงประเด็นทุกครั้ง ซึ่งเธอมองว่าหากมันเป็นแค่จินตนาการ ถ้าเธอถามซ้ำเรื่องเดิมๆ ผู้รับการบำบัดก็อาจให้คำตอบที่แตกต่างออกไปก็ได้ และยิ่งไปกว่านั้นเธอมองว่าถ้ามันเป็นแค่จินตนาการ ผู้รับการบำบัดก็ไม่น่าจะแสดงอารมณ์ได้อย่างลึกซึ้งถึงขนาดนั้น
ส่วน Nickell ก็มองว่าการที่คนเราเชื่อในเรื่องนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่แนวคิดว่า “คนเราระลึกชาติได้” จะประทับลงในสมอง แล้วก็ไม่แปลกอีกเช่นกันที่สมองจะเริ่มต่อเติมจินตนาการในประเด็นที่คนผู้นั้นเชื่อว่าตนเองเคยมีอดีตชาติอยู่ที่นั่น เช่น ถ้าสะกดจิตแล้วระลึกได้ถึงสงครามกลางเมือง แล้วสมองก็จะต่อเติมจากสถานการณ์ “สงครามกลางเมือง” คนผู้นั้นจะเริ่มเห็นภาพกองทหาร เห็นกลอง เห็นปืน เห็นท้องทุ่ง เห็นเครื่องแบบ แล้วอะไรต่อมิอะไรก็จะตามมา
Syrett ยังถาม Papadakis ด้วยว่า เป็นไปได้ไหมที่นักบำบัดจะมีอิทธิพลต่อผู้รับการบำบัด ซึ่ง Papadakis ก็ตอบว่าเป็นไปได้ ดังนั้นมันจึงขึ้นอยู่กับนักบำบัดที่จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง จะต้องไม่ถามนำ และต้องฝึกฝนตัวเองอย่างดี
ทีนี้ในรายการก็มีการสะกดจิตให้ดูจริงๆ ครับ ซึ่งก็ได้ข้อมูลของชายคนหนึ่งที่บอกว่าในอดีตชาติตนชื่อ ไมเคิล แอนเดอร์สัน มีพ่อชื่อเกเบรียล มีแม่ชื่อจูดี้ มีอาชีพเป็นหมอ อยู่ในยุค 1930 แล้วก็รู้จักสถานีรถไฟชื่อแครนเบอร์รี่ แล้ว Syrett ก็ให้ Bernie Clarke นักลำดับวงศ์ตระกูลมาตรวจสอบเลยว่ามีคนชื่อนี้พ่อแม่ชื่อนี้อยู่จริงไหม และผลสรุปที่ได้คือ มีคนชื่อไมเคิล แอนเดอร์สันอยู่หลายคน แต่เขาไม่พบคนที่เป็นหมอ และไม่พบคนที่มีพ่อแม่ชื่อเกเบรียลกับจูดี้
ผมชอบการสรุปในตอนนี้ของ Syrett คือเขามองนอกกรอบไปอีกแบบ เขาบอกตรงๆ เลยว่าเขายังไม่เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด และเขามีแนวคิดที่ว่า เป็นไปได้ไหมว่าความทรงจำที่หลายคนคิดว่ามันคืออดีตชาติ ที่มันอยู่ภายในตัวเรา จริงๆ แล้วมันอาจเป็นเศษเสี้ยวความทรงจำที่ฝังอยู่ในพันธุกรรม เป็นอะไรที่บรรพบุรุษส่งต่อมาผ่านดีเอ็นเอ?
“แล้วก็แน่นอนว่าเป็นไปได้เช่นกัน ที่ผมอาจจะคิดผิด และการกลับชาติมาเกิดอาจมีจริง” Syrett สรุปไว้แบบนั้น
เป็นอีกตอนที่จัดว่ามันส์สำหรับผม
สองดาวครึ่งบวกๆ ครับ
(7.5/10)












