Action

ดาบล้างอาฆาต (1969) Purple Darts

มีคำร่ำลือว่าคัมภีร์ไท่เฉวียน ถูกซุกซ่อนอยู่ในบ้านเฟิงอวิ๋น มันจึงนำพาให้ แขนมรณะหวังอี้โจว (Ou Wei) เจ้าสำนักจินกวาง, หวี่ต้าเฉา (หลี่กวนจาง, Li Kuan Chang) เจ้าสำนักเซียวเหยา, มือสังหารไป๋เฟิง (ฮั่นเจียง, Han Chiang) และกู่เมี่ยวเจิน (ลี่เฟิง, Lee Fung) เจ้าสำนักนวี่เอ๋อ ทั้งหมดได้บุกไปยังบ้านเฟิงอวิ๋นและฆ่าคนล้างตระกูล

เมื่อเซี่ยลวี่ (หวังหลิง, Wang Ling) ทายาทของบ้านเฟิงอวิ๋นเติบใหญ่ นางก็ออกผาดโผนยุทธภพและไล่กำจัดคนที่ฆ่าพ่อแม่ของนางทีละคน เริ่มจากไป๋เฟิง และระหว่างทางนางก็ได้พบกับ หวังกวางหยู่ (เฉาเจี้ยน, Tsao Chien) ชายชราลึกลับที่มีจุดหมายบางอย่าง และยังโดนตามล่าโดยไป๋เจียง (กังหัว, Tung Li) ลูกชายของไป๋เฟิง สุดท้ายแล้วความแค้นครั้งนี้จะจบลงเช่นไร – หนังกำกับโดย พานเล่ย (Pan Lei)

เรื่องนี้ไม่โดนเลยครับผม ยอมรับว่าดูด้วยความอดทนหาน้อยไม่ คือหนังมันก็มีพล็อตที่แสนคุ้นเคยนะ แต่การเล่าเรื่องมันแปลกๆ คือมันดูเนือยๆ นิ่งๆ อืดๆ ชืดๆ ซึ่งปัญหาสำคัญของหนังเลยก็คือการแสดงที่ดูขาดๆ เกินๆ ถ้าไม่แข็งเกินก็จะล้นเกิน โดยเฉพาะยามที่ตัวละครแสดงความรู้สึกนี่สีหน้ามันดูออกชัดว่าพยายามปั้น มันไม่ทำให้คล้อยตามสักเท่าไหร่

และการแสดงออกของตัวละครมันก็ออกแนวยืดน่ะครับ อย่างเวลาตัวละครไหนไม่พอใจ ปกติแค่ฉายให้เห็นไม่กี่วิก็ดูออกแล้ว แต่กับเรื่องนี้เหมือนกล้องจะแช่ภาพให้เราเห็นนานออกไปสัก 5 – 6 วินาที หรือเวลาตัวละครจะคุยกันนี่ ถ้าตัวละครคู่นั้นยืนห่างกัน หนังก็จะถ่ายให้เราเห็นตอนที่ตัวละครหนึ่งเดินเข้าไปหาอีกตัวละครหนึ่ง พอถึงตรงหน้าแล้วค่อยเอ่ยปาก ครั้นพอเอ่ยปากเสร็จแทนที่คู่สนทนาจะรีบตอบคำ มันกลับมีการยืดออกไปอีก เช่น ให้ตัวละครนั้นเดินไปอีกจุด แล้วถึงจะตอบ – เนี่ยครับ คือมาสเต็ปนี้ทั้งเรื่องจนรู้สึกว่าหนังดูไม่เป็นธรรมชาติเลย หรือถ้าคิดมากหน่อยนี่ก็เหมือนหนังจะพยายามยืดแต่ละฉากออกไปให้มันครบเวลายังไงก็ไม่รู้

เรื่องกระบวนยุทธไม่ต้องคาดหวังครับ พวกฉากสู้กันแบบออกท่าออกทางก็มักจะถ่ายห่างๆ (เดาว่าคงใช้สตันท์) ส่วนฉากโคลสๆ ก็มาแนวฟันฉับเดียวจอด หรือมันก็ฟันหลายฉับแต่ท่ามันจะดูเชื่องๆ ไม่ค่อยมันส์ หรือไม่ก็ออกแนวแหกกฎฟิสิกส์ ประเภทโดดตรงมุมนั้นแล้วไปโผล่ตรงมุมนี้แบบหายตัว คือจะบอกว่าแนวแฟนตาซีก็ไม่ใช่ครับ มันแนวจอมยุทธทั่วไปนี่แหละ แต่โทนบางฉากมันออกแฟนตาซีหายตัวเฉยซะอย่างนั้น

แล้วสิ่งหนึ่งที่ขัดใจผมหนักมากคือตอนที่นางเอกสู้ครับ หลายฉากเลยตอนถ่ายช็อตไกลๆ นางจะดูก้มหัวตลอด ก้มราวกับจะมุดดิน แต่มือก็ยังฟันนะครับ แต่ก้มหน้าเยอะมาก คือไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นสตันท์แล้วพยายามซ่อนใบหน้าหรือเปล่า แต่มันจริงครับ ดูไปก็ห่วงนางเอกไปว่านางจะหัวทิ่มเมื่อไหร่ บางซีนนี่ยังกับกอลลั่มน่ะครับ คือตัวงอซะขนาดนั้นเลย แต่พอตัดเข้าโคลสอัพเป็นหน้านางเอก ลำตัวก็ตั้งตรงนะ ไม่ได้ดูงอหรืออะไร จริงๆ คือดูสง่าผ่าเผยด้วยซ้ำ แต่พอตัดไปภาพไกลตัวจะงอเป็นกอลลั่มทันที จนดูไปก็ชักจะแอบฮาเหมือนกัน

แล้วยิ่งฮาหนักยามที่มีตัวละครในฉากพูดประมาณว่า “โอ้ว กระบวนท่าล้ำเลิศ ฝีมือไม่ธรรมดา” คืออยากจะเดินไปถามมากๆ ว่าพี่เห็นภาพเดียวกับผมไหมครับเนี่ย เจ๊เอาตัวงอจนหัวแทบมุดดินเลยนะนั่น

ก็ขอว่าไปตามที่คิดครับ เรื่องนี้ไม่เวิร์คเท่าไหร่ แต่หวังหลิงสวยมากนะครับ เธอดูน่ารัก ท่ายืนก็ทะมัดทะแมง ชุดที่ใส่แต่ละชุดก็ถือว่าเด่นทีเดียว แต่เสียดายครับที่หนังโดยรวมมันยังไม่เข้าเป้า คิวบู๊ก็ไม่มันส์ (แล้วยังมีกอลลั่มมาอีก) การเดินเรื่องก็ทื่อๆ ชืดๆ การแสดงก็ดูขาดๆ เกินๆ ไม่แข็งก็ล้นกันไป ส่วนตัวเลยมองว่าเรื่องนี้ จะข้ามไปก็ไม่เสียหายครับ

ดาวครึ่งครับ

(5/10)