Action

Pistol Whipped (2008) ล้างหนี้ยมบาล

เร็วๆ นี้ผมกะจะเอาผลงานยุค 90 ของพี่ Steven Seagal มาดูใหม่ครับ ตั้งแต่ Nico: Above the Law ไล่มาจนสุดที่ Exit Wounds แต่สิ่งหนึ่งที่ตั้งใจไว้แม่นมั่นคือกะจะเขียนถึงหนังทุกเรื่องที่พี่เขาแสดงไว้ครับ จะดีจะแย่ก็ขอเขียนให้ครบ อันนี้คือความบ้าเฉพาะตัวครับ 5555

สำหรับเรื่องนี้ก็เป็นยุคที่พี่เขาหันมาเล่นหนังแผ่นเป็นหลัก แล้วส่วนใหญ่แต่ละเรื่องที่ออกมาก็ค่อนข้างดูไม่จืดครับ แต่กับเรื่องนี้ผมว่าใช้ได้นะ ที่ว่าใช้ได้นี่คือเมื่อเทียบกับงานระยะหลังของเขานะครับ แต่เทียบกับหนังยุค 90 ของเขาไม่ได้หรอก

เรื่องนี้พี่ซีเก้ามาเป็น แมตต์ คอนลิน อดีตตำรวจที่มีปัญหาติดเหล้าและมีหนี้สินหลักล้าน ทีนี้จู่ๆ ก็มีชายชราลึกลับคนหนึ่ง (Lance Henriksen) โผล่มาเพื่อขอให้เขาไล่เก็บคนตามสั่ง ซึ่งหากเขาทำงานจนครบชายชราก็จะล้างหนี้ให้ ซึ่งแมตต์ก็เก็บไปหลายคนครับ แต่รายล่าสุดนี่เป้าดันเป็นเพื่อนเขา เขาเลยหันกระบอกปืนไปหาพวกชายชราแทน – แต่เรื่องราวก็มีจุดพลิกผันอีกครับ ขอยังไม่เล่าแล้วกัน เพราะหนังยิ่งมีปมน้อยๆ อยู่ เล่าหมดเดี๋ยวไม่เหลืออะไรพอดี

กลายเป็นว่าเรื่องนี้พอไหวครับ เพราะพี่ซีเก้าได้หักกระดูกอยู่หลายฉากเลย โอย อันนี้ดีใจมากครับ พี่เขาออกหมัดซัดมวยตามสไตล์แบบที่ผมชอบ แม้ความพลิ้วอาจลดลงตามลำดับเพราะตัวพี่ท่านในเรื่องนี้ใกล้เคียงหมีขึ้นทุกที มีฉากหนึ่งผมนี่ฮาเลย คือมีตัวร้ายคนหนึ่งวิ่งเข้าไปกะจะชนแกให้ล้ม แต่กลายเป็นว่าไอ้คนที่ชนนั่นแหละกระเด็นย้อนศรล้มลงแทน 555

ในแง่การแสดงผมว่าพี่ซีเก้าก็ยังคงเป็นซีเก้าอยู่ครับ คือดูแล้วผมไมค่อยเชื่อเท่าไหรว่าพี่เขาติดเหล้า เพราะปกติคนติดเหล้าต้องโทรมหน่อยอะไรหน่อยใช้ไหมครับ แต่ในเรื่องนี่พี่เขายังดูเป็นคนเดิมอ้ะ ไม่ได้ดูโทรมแบบที่ตัวละครในหนังเรื่องอื่นๆ เป็นเลย สำหรับผมก็มองตรงๆ ว่าบทหนังก็เขียนไปว่าไปใส่รายละเอียดไป แต่พี่ซีเก้าก็ยังดูเป็นคนเดิมครับ ไม่ได้อินไปกับบทขนาดนั้น

แต่เรื่องนี้ผมไม่ติดนะ ไม่ได้คาดหมายว่าจะให้แกเล่นดราม่าอะไรอยู่แล้ว ผมคาดหวังที่การบู๊มากกว่า ซึ่งก็อย่างที่บอกครับว่าเรื่องนี้เป็นบุญมากๆ ที่พี่เขายังออกลีลาบ้าง ไม่เหมือนหนังเรื่องอื่นๆ ที่จับแต่ปืน แม้ฉากไคลแม็กซ์จะลงท้ายด้วยการยิงปืนก็เถอะ แต่ไม่เป็นไรครับ ระหว่างทางถือว่าแกบู๊ให้เราได้เห็นเป็นบุญตาบ้างแล้ว แค่นี้ก็ขอบคุณแล้วล่ะ

ตัวหนังโดยรวมถือว่าพอได้สำหรับหนังเกรดบีครับ คือไม่ได้สนุกอะไรมาก แต่ก็ดูเรื่อยๆ แบบไม่น่าเบื่อจนเกินไป ซึ่งเหตุผลน่าจะเพราะคนกำกับน่ะคุมหนังได้โอเคสำหรับหนังเกรดนี้ เขาคือ Roel Reiné ผู้กำกับที่ผมตั้งฉายาว่าเป็นเจ้าแห่งหนังภาคต่อลงแผ่น เพราะผลงานพี่เขาก็มีอย่าง The Marine 2, Death Race 2 – 3, The Scorpion King 3: Battle for Redemption, 12 Rounds 2: Reloaded, The Man with the Iron Fists 2, The Condemned 2 และ Hard Target 2 ซึ่งก็จะเห็นได้ว่าแต่ละเรื่องแม้จะไม่ดีก็ยังพอได้น่ะนะครับ

ก็ไม่ใช่หนังที่ผมแนะนำนะครับ ถ้าจะดูงานดีๆ ของพี่ซีเก้าให้ย้อนไปดูยุค 90 จะชัวร์กว่า แต่ถ้าท่านเป็นแฟนพี่ซีเก้าแล้วอยากตามมาดูงานของเขา ก็พอจะบอกได้ว่าเรื่องนี้ถือว่ายังพอทำเนา อย่างน้อยก็ได้เห็นลีลาหักกระดูกของพี่แกบ้าง

ไม่ถึงสองดาวครับ

(5.5/10)