Comedy

Love and Death (1975)

หนังฮาที่อาจไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคนน่ะนะครับ แต่บอกได้เลยว่าถ้าท่านโดนกับสไตล์ของ Woody Allen ล่ะก็ เรื่องนี้จัดว่าห้ามพลาเดกันเลยทีเดียว

ขอเล่าพล็อตพอเป็นพิธีนะครับ ตัวเอกคือ บอริส (Allen) หนุ่มรัสเซียที่แสนจะขี้ขลาด แต่แล้วพี่ท่านก็จำต้องไปออกรบ ส่วนเรื่องรักๆ นั้นก็ไม่ใคร่จะสมหวังเพราะเขาแอบชอบซอนย่า (Diane Keaton) แต่สาวเจ้าดันไปชอบพี่เขาแทน และเรื่องราววุ่นๆ ก็เกิดขึ้นต่อเนื่องยาวไปจนถึงว่าเขาต้องไปลอบปลงพระชนม์นโปเลียน (James Tolkan)

จริงๆ พล็อตไม่ต้องไปคำนึงถึงครับ เพราะเป้าหมายหลักของหนังคือทำออกมาเอาฮา แต่อันว่าท่านจะชอบหนังเรื่องนี้ไหมก็ขึ้นอยู่กับว่าท่านจะโดนกับตลกแบบลุง Woody หรือเปล่า? ซึ่งตลกของลุงเขาก็จะผสมกันระหว่างตลกท่าทาง มากวนเข้ากับตลกคำพูดแบบ “ขำคิด” ซึ่งก็คือเป็นมุกจิกกัดโน่นนี่นั่นตามแต่ลุงเขาจะสังเกตมาได้ แล้วก็ดัดแปลงให้เป็นมุก แต่บางมุกก็ต้องคิดตามสักหน่อยถึงจะฮาแบบเป็นกอบเป็นกำ

อย่างมุกหนึ่งที่ผมชอบเลยก็คือตอนออกรบ แล้วเพื่อนทหารคนหนึ่งก็พูดกับบอริสว่า “พระเจ้ากำลังทดสอบเราอยู่” บอริสเลยตอบกลับไปว่า “งั้นข้าขอเป็นแบบข้อเขียนได้ไหม” ประมาณว่าถ้าจะสอบก็ขอเป็นแบบข้อเขียน แบบต้องออกไปรบไปเสี่ยงตายแบบนี้ไม่เอา

หรือประโยคเจ็บๆ เสียดสีความจริงอย่าง “สงครามต่างกันมากเลยนะ ระหว่างคนที่ลงมารบ กับนายพลที่ดูอยู่บนเนิน”

ส่วนตัวผมมองว่าท่านจะฮากับหนังเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นกับว่าท่านจะเก็ตในสิ่งที่ลุง Woody แกเอามาล้อหรือเปล่า ก็บอกเลยครับว่าหนังเรื่องนี้ลุง Woody ตั้งใจจะแสดงการคารวะงานคลาสสิคแขนงต่างๆ ไม่ว่าจะหนังตลกของ The Marx Brothers, Bob Hope และ Charlie Chaplin หรือวรรณกรรมอมตะของรัสเซีย โดยเฉพาะงานของ Lev Tolstoy และ Fyodor Dostoevsky ไม่ว่าจะเรื่อง อีเดียด (The Idiot), นักพนัน (The Gambler), สงครามและสันติภาพ (War and Peace), อันนา คาเรนินา (Anna Karenina), อาชญากรรมกับการลงทัณฑ์ (Crime and Punishment) และ พี่น้องคารามาซอฟ (The Brothers Karamazov)

หรืออย่างชื่อเรื่อง Love and Death ก็เป็นการตั้งตามขนบเดียวกับวรรณกรรมรัสเซียอย่าง War and Peace และ Crime and Punishment หรืออย่างฉากรูปปั้นสิงโต กับหลายฉากในสนามรบก็เป็นการล้อเลียนกึ่งคารวะหนังเรื่อง Battleship Potemkin ของ Sergei Eisenstein แล้วก็ฉากตอนจบของหนังที่ชัดเจนเลยว่าเอามาจากหนังเรื่อง Persona ของ Ingmar Bergman

เนี่ยครับ หากท่านเก็ตหนังเรื่องนี้ก็น่าจะเป็นอะไรที่ครื้นเครงสำหรับท่าน แต่จริงๆ ผมว่าแม้ท่านจะไม่เคยผ่านงานเหล่านั้นมาก็ตาม แต่หากท่านจูนกับสไตล์ตลกของลุง Woody ได้ หรือไม่ก็คิดตามแต่ละประโยคที่ตัวละครพูดออกมา ท่านก็น่าจะสนุกสนานไปกับหนัง รวมถึงได้มุมมองแง่คิดอะไรที่แปลกๆ และน่าสนใจมาจากหนังได้อยู่ครับ

ส่วนผมนี่ขอออกตัวเลยว่าชอบจัดๆ ดูแล้วยิ้มตลอดเรื่องเพราะลุง Woody แกยิงมุกได้รัวจริงๆ แล้วสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากๆ ของหนังคือการแสดงที่โคตรจะเข้าขากันระหว่างลุง Woody และ Diane Keaton แต่ละซีนของพวกเขานี่ถือเป็นไฮไลท์ครับ ทั้งขำทั้งแฝงสาระครบเครื่องมาก

สำหรับที่มาของหนังเรื่องนี้นั้น จริงๆ แล้วตอนแรกลุง Woody ไม่ได้จะทำเรื่องนี้ครับ แต่เขาอยากจะเขียนบทหนังว่าด้วยคนนิวยอร์ก 2 คนพยายามจะไขคดีฆาตกรรม แต่พอเขียนๆ ไปแล้วเกิดตันครับ เขาเลยพักสมองด้วยการเอาหนังสือประวัติศาสตร์รัสเซียมาอ่าน แล้วทีนี้เส้นตายที่เขาจะต้องส่งบทหนังมันก็ใกล้เข้ามา เขาเลยเกิดไอเดียที่จะเขียนบทหนังแนวล้อทั้งล้อประวัติศาสตร์และวรรณกรรมของรัสเซีย แล้วผลที่ได้ก็คือหนังเรื่องนี้ครับ

ส่วนบทหนังที่เขาเกิดตันนั้นก็ถูกพักไว้บนหิ้งครับ พักอยู่ตั้งเกือบ 20 ปีแน่ะ ถึงจะสำเร็จออกมาเป็น Manhattan Murder Mystery

อีกเกร็ดหนึ่งก็คือ แรกเริ่มเดิมทีลุง Woody ตั้งใจจะใช้ดนตรีของ Igor Stravinsky มาใสประกอบหนัง แต่พอลองดูแล้วกลับพบว่ามันทำให้หนัง “ดูไม่สนุก” เท่าไหร่ แล้วจากนั้นเขาก็เลือกใช้เพลงของ Sergei Prokofiev มาใส่แทน เพราะเขารู้สึกว่าดนตรีมันครื้นเครงเข้ากับความต้องการของเขามากกว่ากันเยอะ

หนังใช้ทุนสร้างไป $3 ล้าน แล้วก็ได้คืนมา $20.1 ล้าน ครับ จัดเป็นอีกหนึ่งหนังที่ทำเงินสวยงามของ Woody Allen

สามดาวเต็มครับ

(8/10)