มาคิดๆ ดูแล้ว ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าถ้าผมดูหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนที่มันออกมาใหม่ๆ ผมจะชอบหรือสนุกไปกับมันไหม
ผมมองว่าตัวเองในตอนนั้นยังเป็นวัยรุ่น อาจจะเอิ้กอ้ากไปกับความเฮฮาเย้วๆ ของหนัง แต่ก็อาจจะไม่เข้าใจในบางสิ่ง หรือบางอย่างในหนังก็อาจยังไม่สามารถมา Touch ใจที่ภายในของเราได้มากนัก
ครั้นพอมาตอนนี้ เมื่อชีวิตผ่านพ้นวัยรุ่นมานานหลายสิบปี พอได้ดูหนังเรื่องนี้แบบเป็นเรื่องเป็นราว เอาจริงๆ คือผมชอบนะครับ ไม่ได้ชอบแค่เพราะมันเป็นโทนหนังวัยรุ่นยุค 90 ที่ดูสนุกสนานและเพลินเท่านั้น แต่เพราะได้ย้อนไปดูดาราหน้าคุ้นที่ตอนนั้นยังเป็นวัยรุ่นไม่ว่าจะ Rory Cochrane (CSI: Miami), Johnny Whitworth (John Grisham’s The Rainmaker), Robin Tunney (The Craft), Renee Zellweger (Jerry Maguire), Ethan Embry (That Thing You Do!) และ Liv Tyler (Armageddon) นี่ก็สนุกแบบหนึ่ง
ขณะเดียวกันก็ได้ย้อนไปมองพฤติกรรมของตัวละครในเรื่อง ที่บางทีก็ทำให้นึกถึงตัวเองหรือผองเพื่อนเมื่อวันวาน ในมุมหนึ่งมันมีความสุขที่ได้ระทึกถึงวันเก่าๆ ครับ วันที่เราได้ใช้เวลากับเพื่อนพ้อง ได้ใช้เวลาในฐานะวัยรุ่นที่ต้องเผชิญกับเรื่องต่างๆ ไม่ว่าความรัก, ชีวิต, ครอบครัว, เพื่อน, การเรียนหรือการทำงาน รวมถึงเผชิญกับปัญหาและเวลาที่อะไรๆ ไม่เป็นไปอย่างใจ
และในอีกมุมมันก็มีความเข้าใจบางประการผุดขึ้นมา – บางอย่างที่ยังไม่เข้าใจเมื่อตอนวัยรุ่น มาตอนนี้มันเริ่มที่จะเข้าใจ ทั้งเข้าใจปมต่างๆ และความคิดของเหล่าตัวละคร รวมถึงสามารถย้อนมาเข้าใจตนเอง เข้าใจเส้นทางที่เราผ่านมา และเข้าใจว่าอะไรบ้างที่หล่อหลอมให้เรามาอยู่ตรงนี้
หนังเล่าถึงเหตุการณ์ในหนึ่งวันแสนวุ่นที่เอ็มไพร์ เรคคอร์ดส ร้านขายเทปขายเแผ่นเพลงที่กำลังจะโดนเทคโอเวอร์ให้กลายเป็นอีกหนึ่งสาขาของร้านเชนรายใหญ่ ซึ่งโจ รีฟส์ (Anthony LaPaglia) ผู้จัดการร้านก็พยายามรวบรวมเงินเพื่อจะได้ซื้อที่นี่ต่อจากเจ้าของ ร้านจะได้ไม่โดนเทค แต่ลูกน้องคนหนึ่งของเขาอย่างลูคัส (Cochrane) ดันหอบเงินของร้านไปเสียพนันจนเกลี้ยง ทำให้โจงานเข้าครั้งใหญ่
ส่วนพนักงานในร้านแต่ละคนก็มาพร้อมปมของตนเอง ไม่ว่าจะ เอ.เจ. (Whitworth) ที่หมายมั่นจะบอกรักคอรี่ (Tyler) แต่คอรี่ดันหมายมั่นที่จะมอบความบริสุทธิ์ของตัวเองให้เร็กซ์ แมนนิ่ง (Maxwell Caulfield) นักร้องชื่อดังที่กำลังจะมาแจกลายเซ็นต์ที่ร้าน ส่วนเดบร้า (Tunney) ก็กำลังรู้สึกไม่พอใจกับชีวิต จนตัดสินใจโกนหัวตัวเอง ท่ามกลางความงงของผองเพื่อน
จีน่า (Zellweger) ก็เป็นสาวที่หากพอใจกับใครก็พร้อมจะไปไหนต่อไหนกับเขา แต่ตัวเธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเธอจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร ในขณะที่มาร์ค (Embry) ก็พร้อมจะโดดเข้าสู่ความเพี้ยนในทุกรูปแบบ แล้ววันนี้ที่ร้านยังต้องรับมือกับโจรกิ๊กก๊อก (Brendan Sexton III) ที่ริอ่านมาขโมยของ
หนังถือว่าดูเพลินตามสไตล์หนังวัยรุ่นยุค 90 ครับ แล้วก็ต้องยอมรับจริงๆ ว่าแต่ละคนในเรื่องล้วนมีของให้ปล่อย เพราะพอถึงจุดหนึ่งคนดูอย่างเราๆ ก็จะจดจำคาแรคเตอร์และจุดเด่นของพวกเขาได้ จนบางครั้งเราอาจจะอินหรือเห็นใจหรือไม่ก็ฮากับสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญในวันนี้ – พูดง่ายๆ คือหนังสามารถทำให้พวกเขาดูมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ ในความรู้สึกของเราน่ะครับ
ตัวเรื่องสนุก มีปมมีอะไรให้ติดตาม ความฮามาเป็นพักๆ และแง่คิดก็มาเป็นหย่อมๆ ไม่ว่าจะเรื่องการค้นหาตนเอง, ความรับผิดชอบ, เรื่องมิตรภาพระหว่างเพื่อน, เรื่องการคิดให้ดีๆ ก่อนจะตัดสินใจทำอะไรลงไป, เรื่องการฉวยคว้าโอกาสไว้ ก่อนที่มันจะหลุดลอยไปตลอดกาล และเรื่องความจอมปลอมของคน
หนังถือว่ารวมมิตรแนวที่ผมชอบเลยครับ ทั้งแนวฮาแบบวัยรุ่น, แนว Coming of Age, แนวบอกเล่าช่วงหนึ่งของชีวิตใครสักคน (เพียงแต่เรื่องนี้จะหลายคนหน่อย) ดูแล้วก็ได้ครบทั้งความสนุก, ได้รำลึกอดีตยุค 90, ได้ทบทวนตนเอง และได้ไตร่ตรองแง่คิดดีๆ ที่หนังสอดแทรกลงมา
สำหรับบทหนังเรื่องนี้เขียนโดย Carol Heikkinen โดยอิงจากเค้าโครงเรื่องจริงที่เธอประสบมาครับ เพราะเธอนั้นเคยทำงานที่ทาวเวอร์ เรคคอร์ดส สาขาคริสต์ทาวน์มอลล์ ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐอริโซน่า ทำให้ใครก็ตามที่เคยดูหนังเรื่องนี้แล้วแวะเวียนไปทาวเวอร์ เรคคอร์ดสสาขาดังกล่าวก็จะได้พบเจอกับอะไรต่อมิอะไรที่ถูกนำเสนอไว้ในหนังเรื่องนี้ครับ แต่อย่างไรก็ดีทาวเวอร์ เรคคอร์ดส์สาขาดังกล่าวก็ได้ปิดตัวลงไปตั้งแต่ต้นปี 2005 ครับ
และจริงๆ ตามบทหนังดั้งเดิมน่ะ เรื่องจะยาวกว่านี้ครับ คือแทนที่จะเป็นหนึ่งวันแต่จะกลายเป็น 2 วัน และจะมีตัวละครสำคัญๆ อีก 3 คนด้วย แต่สุดท้ายเรื่องราวในวันที่ 2 ก็ถูกตัดออกจนเหลือวันเดียวอย่างที่เห็นในหนัง และหนึ่งในนักแสดงที่ถูกตัดบทออกไปก็คือ Tobey Maguire ครับ
แล้วในเรื่องเนี่ย Robin Tunney เธอโกนผมตัวเองจริงๆ เลยนะครับ นั่นเลยส่งผลให้ตอนที่เธอแสดงนำใน The Craft เธอเลยต้องสวมวิกครับ
อีกหนึ่งข้อสังเกตขำๆ ก็คือทั้งในหนังเรื่องนี้และใน Armageddon กลายเป็นว่า Liv Tyler ต้องรับบทเป็นแฟนคนที่ชื่อ เอ.เจ. เหมือนกันทั้ง 2 เรื่องครับ และอีกหนึ่งเกร็ดก็คือตอนที่แสดงหนังเรื่องนี้่ Coyote Shivers ซึ่งรับบทเบอร์โกนั้น ได้แต่งงานกับ Bebe Buell แม่แท้ๆ ของ Tyler ครับ จึงส่งผลให้ Shivers มีศักดิ์เป็นพ่อของ Tyler ครับ
สรุปสำนวนเลยครับว่านี่เป็นหนังวัยรุ่นยุค 90 อีกเรื่องที่น่าดู
สองดาวครึ่งครับ
(7/10)
หมวดหมู่:Comedy, Drama, Movie Reviews, Music, Recommended Movies, Romance













