ดูหนัง John Woo ต่อกัน 2 วันติดครับ วันก่อนดู Silent Night มาวันนี้ดู The Killer ฉบับรีเมค ผลลัพธ์ในความรู้สึกก็พอๆ กันครับ นั่นคือออกแนวเฉย และคงดูเพียบรอบเดียว ไม่กลับไปดูซ้ำเหมือนผลงานเก่าๆ ของเขา
อันนี้ก็เอาโหดตัดโหดมาทำใหม่ครับ โดยเปลี่ยนตัวเอกจากชายเป็นหญิง เธอคือซี (Nathalie Emmanuel) นักฆ่ามือพระกาฬที่จากงานครั้งล่าสุดเธอไม่ได้ฆ่าคนจนครบตามคำสั่ง เพราะในห้องนั้นยังเหลือเจน คลาร์ค (Diana Silvers) นักร้องสาวที่ตาบอดอันเป็นผลมาจากการลงมือของซี และเมื่อมีคนต้องการเก็บเจน ซีก็เลยโดดเข้าไปขวาง โดยที่มีสารวัตรเซย์ (Omar Sy) นายตำรวจฝรั่งเศสคอยตามสืบคดีนี้อย่างใกล้ชิด
จริงๆ ช่วงต้นเรื่องนี่ผมโอเคนะ งานภาพของ Mauro Fiore ตากล้องมือออสการ์จาก Avatar และดนตรีของ Marco Beltrami (Hellboy, World War Z รวมถึง Silent Night งานก่อนหน้าของ Woo) ถือว่าน่าพอใจครับ งานภาพถือว่าเก็บรายละเอียดได้ดีทั้งช็อตกว้างและแคบ ส่วนดนตรีก็สื่อถึงอารมณ์ที่ดูโดดเดี่ยวของซีได้เป็นอย่างดี
ฉากการลงมือสังหารในตอนแรก (ที่ทำให้เจนตาบอด) นั้นจัดว่าเข้าท่าเลยครับ มันดูเท่ห์และดูแล้วเชื่อว่าเธอคือมือพระกาฬจริงๆ ยอมรับเลยว่าฉากนี้ทำให้ผมมีความหวังขึ้นมาเลย ต่อด้วยฉากที่ซีได้เจอกับสารวัตรเซย์เป็นครั้งแรก และสารวัตรก็สามารถถอดรหัสชื่อปลอมที่ซีใช้ได้ ช่วงนี้ก็ถือว่าเวิร์คครับ มันทำให้รู้สึกว่าซีกับสารวัตรเซย์นี่น่าจะตามกันทัน รู้ทางกัน
แต่กลายเป็นว่าหลังจากนั้นพลังมันดูดร็อปลงครับ เริ่มจากฉากแอ็คชั่นที่ถือว่ามีน้อย และไอ้น้อยที่ว่านี่ก็ไม่ได้เด็ดอะไร สู้ฉากตอนซีลงมือสังหารในตอนแรกไม่ได้เลย เช่นเดียวกับตัวเนื้อหาที่มันไม่ใคร่จะออกรสให้ชวนติดตามสักเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่บทนี่พยายามใส่อะไรลงไปให้มีความซับซ้อน ไม่ว่าจะความลับที่เจนกุมไว้ หรือตัวละครอย่างเจ้าชายซาอุหรือคนที่คอยสั่งให้ซีไปเก็บคนนั้นคนนี้ คือมันมีรายละเอียดน่ะครับ แต่กลายเป็นว่ารายละเอียดเหล่านั้นมันดูไม่มีพลัง เป็นปมที่ไม่ได้ทำให้เรื่องราวดูเข้มข้นขึ้น แล้วหนังก็อยู่ในระดับธรรมดาแบบนั้นไปจนจบ
สิ่งหนึ่งที่หนังสู้ภาคต้นฉบับไม่ได้คือเรื่องสายสัมพันธ์ระหว่างตัวละครครับ อย่างมิตรภาพระหว่างตำรวจกับนักฆ่า สายใยบางอย่างระหว่างนักฆ่ากับคนส่งงาน ซึ่งจริงๆ จะเอามาใส่ในเรื่องนี้ก็ได้ แต่กลับไม่ได้สัมผัสสักเท่าไร และกลายเป็นว่าสายใยระหว่างซีกับเจนก็ดูไม่มีอะไรมากนักอีก หนังมันเลยดูธรรมดาน่ะครับ แล้วสารภาพเลยนะว่าตอนแรกนี่ผมก็แอบหวังกับบทช่างตัดเสื้อที่ดูเหมือนจะมีอะไร แต่ไปๆ มาๆ ก็กลายเป็นบทสมทบอีกเช่นกัน
ผมก็ถือว่าตามดูเพื่อตามมาให้กำลังใจ Woo น่ะครับ ติดตามผลงานกันมานาน ก็ติดตามกันต่อไปจนกว่าจะตายจากกันนี่แหละ ทำมาอีกกี่เรื่องก็พร้อมดู แต่ขณะเดียวกันก็ไม่คาดหวัง เพราะช่วงเวลาของเขาอาจจะผ่านพ้นไปแล้ว ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติครับ
เอาเป็นว่าถ้าอยากดูหนังเรื่องนี้แบบมันส์ๆ ขอให้ท่านย้อนไปดู โหดหัดโหด จะดีกว่าครับ
สองดาวครับ
(6/10)
หมวดหมู่:Action, Martial Arts, Movie Reviews, Thriller












