แล้วเราก็มาถึงเทวดาท่าจะบ๊องส์ ภาคพิสดารซึ่งในเชิงเนื้อหาเนิ้อในแล้วโคตรจะไม่ซับซ้อน แต่ในฐานะภาพยนตร์นี่จัดว่าค่อนข้างมีรายละเอียดให้เล่ากันนิดหน่อย
นั่นคือ Crazy Safari เรื่องนี้ จัดว่าเป็นภาคต่อตอนที่ 3 ของหนังชุด เทวดาท่าจะบ๊องส์ หรือ The Gods Must Be Crazy แม้ว่า Boet Troskie ผู้อำนวยการสร้างหนัง 2 ภาคแรกจะออกมาบอกว่า เขาไม่นับเรื่องนี้ว่าเป็นภาคต่อและยังนิยามด้วยว่าภาคนี้ (รวมถึงภาคหลังจากนี้) เป็นของปลอม แต่กระนั้นด้วยความที่หนังได้ Jamie Uys ผู้กำกับจาก 2 ภาคแรกมาเป็นที่ปรึกษาให้, ได้ Paddy O’Byrne คนบรรยายจาก 2 ภาคแรกตามมาบรรยายให้ภาคภาษาอังกฤษ และยังได้นิเชามาร่วมแสดงนำ เลยทำให้คนส่วนใหญ่นับให้ภาคนี้เข้าชุดเป็นภาคต่อครับ
และขณะเดียวกันหนังเรื่องนี้ก็ยังถูกนับเป็นหนังลำดับที่ 8 ในชุดแฟรนไชส์ Mr. Vampire (ผีกัดอย่ากัดตอบ) ด้วย เรียกว่าเป็นหนังที่ผสมดีเอ็นเอของหนังหลายแฟรนไชส์อยู่เหมือนกันนะครับ
พล็อตภาคนี้ก็ง่ายดังว่าครับ เมื่อไต้ซือ (หลินเจิ้นอิง, Lam Ching Ying) ต้องนำพาผีดิบจีนตนหนึ่ง (Chan Lung) เดินทางกลับบ้านเกิด โดยต้องมาประมูลผีตนนี้ถึงต่างแดน แล้วทีนี้ระหว่างเดินทางพวกเขาก็ตกลงไปกลางทะเลทราย อันทำให้พวกเขาได้เจอกับนิเชา แล้วการผจญภัยปั่นๆ ป่วนๆ ตามสไตล์เทวดาท่าจะบ๊องส์ก็เริ่มต้นขึ้น
โดยโครงสร้างแล้วหนังก็เหมือน The Gods Must Be Crazy ภาคแรก โดยเปลี่ยนจากขวดโค้กมาเป็นผีดิบจีน แล้วก็มีโค้กกระป๋องมาสร้างความปั่นป่วนอยู่พักหนึ่งในช่วงครึ่งแรก แต่โทนหนังก็เปลี่ยนไปไม่น้อยครับ จากที่ภาคก่อนๆ หนังจะออกแนวกึ่งๆ สารคดี และมีการสะท้อนวิถีชีวิตของคนเผ่าซาน พร้อมทั้งสอดแทรกภูมิปัญญาบ้านๆ แต่ชาญฉลาดของนิเชา แต่มาภาคนี้หนังเน้นความฮาเป็นหลัก โดยเฉพาะตลกท่าทางและตลกเจ็บตัวสารพัดตามสไตล์หนังจีนฮ่องกง – ซึ่งคนกำกับก็คือคนฮ่องกงนาม Billy Chan ครับ
ดังนั้นถ้าให้ว่ากันตรงๆ แล้ว พวกประเด็นสาระต่างๆ หนังเลยไม่เน้นครับ สิ่งที่เราจะได้พบเจอก็คือฉากที่มาพร้อมความวุ่นวายสารพัด ประเภทนิเชาขับรถไม่เป็น แล้วพอขับก็เลยพุ่งไปชนโน่นชนนี่ หรือผีจีนที่โดดดึ๋งๆ ไปทั่วจนทำเอากระโจมของเผ่านิเชายับเยินไปตามๆ กัน
หรือทางฟากฝั่งคนจีนก็ไม่น้อยหน้าครับ อาจารย์ผีกัดของเราก็มีซีนฮาๆ เหมือนกัน ที่ผมฮาสุดคงเป็นสีหน้าพี่ท่านตอนเอาขาแหย่รูน่ะครับ สีหน้าเฮียหลินตอนโดนอะไรบางอย่างในรูนั่นเห็นแล้วยังไงก็ฮา กับอีกช่วงคือตอนที่พี่ท่านพยายามจะหาที่ปลดทุกข์ แต่ก็ดูเหมือนบาปจะซ้ำกรรมจะกระทืบเหลือเกิน จนพอจะบอกได้ว่าหากใครชอบความขำขันสไตล์วุ่นวายแบบนี้ก็น่าจะถูกใจหนังเรื่องนี้พอสมควร
และส่วนหนึ่งที่เพิ่มความสนุกก็คือพากย์ไทยแบบไทยๆ ที่ยิงมุกได้เรื่อยๆ ตอนแรกผมก็คิดนะว่าไทยเราจะดูหนังเรื่องนี้แล้วได้อารมณ์ฮาสุดกว่าชาวบ้านเขาหรือเปล่า แต่ได้ข่าวว่าฉบับภาษาจีนกวางตุ้งนี่ก็ได้เฮียโจวซิงฉือมาพากย์ครับ ส่วนจีนแมนดารินได้นี่อาอู๋ม่งต๊ะ ก็อยากรู้เหมือนกันนะว่ามันจะฮาแบบไหนบ้าง
สรุปนะครับ แน่นอนว่าถ้าเทียบกับ 2 ภาคต้นฉบับแล้ว ภาคนี้ยังห่างไกลอยู่พอสมควร เพราะภาคก่อนๆ ยังสอดแทรกอะไรดีๆ ลงไป แต่ภาคนี้เน้นฮาเป็นบ้าเป็นหลังท่าเดียว แต่อาจเพราะผมเองก็โตมากับหนังไทยและหนังจีนฮ่องกงที่มีสไตล์แบบนี้น่ะครับ เลยรับได้สบายๆ แต่ได้ข่าวว่าสำหรับแฟนๆ ในบางประเทศนี่ถึงขั้นผิดหวังเลยนะที่ภาคนี้ออกมาเป็นแบบนี้ ถึงขั้นว่าปกติ 2 ภาคแรกได้เข้าฉายในอเมริกา แต่ภาคนี้ไม่ได้เข้าโรงในอเมริกาเหมือนคราวก่อนๆ
ถ้าดูเอาฮาตามประสาหนังจีนฮ่องกงยุค 90 ผมว่าพอได้อยู่ครับ แต่ถ้ามีภาพของ 2 ภาคแรกประทับไว้ในใจแล้วมาดูภาคนี้ หากไม่ปรับสักหน่อย ก็น่าจะผิดหวังไม่น้อย
สองดาวครับ
(6/10)
ชื่ออื่นๆ
The Gods Must Be Crazy III
หมวดหมู่:Chinese/Hong Kong/Taiwan Movies, Comedy, Fantasy, Movie Reviews












