Comedy

Animals Are Beautiful People (1974) สัตว์โลกผู้น่ารัก

หนังมีชื่อไทยที่แสนคุ้นเคยว่า “สัตว์โลกผู้น่ารัก” ครับ โดยตัวหนังก็เป็นแนวสารคดีผสมอารมณ์ขันที่จับเอาภาพชีวิตของเหล่าสรรพสัตว์แถบแอฟริกาใต้มาร้อยเรียงให้เราได้ชมกัน

โดยหนังจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วงครับ ช่วงแรกจะฉายให้เราเห็นถึงชีวิตสัตว์แถบทะเลทรายนามิบ แล้วช่วงที่ 2 ก็จะพาเราไปดูแถบแม่น้ำโอคาวังโก ก่อนจะเข้าสู่ช่วงที่ 3 ที่พาเราไปเดินเล่นแถบทะเลทรายคาลาฮารี

เป็นสารคดีที่ดูเพลินมากครับ เพราะมันสอดแทรกอารมณ์ขันไว้ตลอดทั้งเรื่อง ภาพชีวิตสัตว์ที่เราได้เห็นก็มีอะไรให้เราทึ่งและให้เราฮาอยู่ตลอด ซึ่งทีมงานถ่ายทำได้ใช้เวลาถึง 3 ปีครึ่งกว่าจะร้อยเรียงภาพเหล่านี้มาเป็นหนังให้เราได้ชม ซึ่งคนกำกับก็คือ Jamie Uys ที่ในเวลาต่อมาจะมีชื่อเสียงแบบสุดๆ กับหนังชุด เทวดาท่าจะบ๊องส์ (The Gods Must Be Crazy)

อารมณ์หนังมันจะคล้ายเราดูเรื่องสั้นชองชีวิตสัตว์ตัวนั้นตัวนี้มาต่อๆ กันน่ะครับ และเรื่องสั้นเหล่านั้นก็มีความน่าสนใจอยู่ในตัว ไม่ว่าจะเรื่องของแม่เป็ดที่ทำการแสดงหลอกไฮยีน่าเพื่อช่วยชีวิตตนเองและลูกๆ ตัวน้อยให้รอดพ้นจากการเป็นอาหาร, เรื่องของงูตัวจ้อยที่สามารถเขมือบไข่ได้ทั้งฟอง ใครสงสัยว่างูกินไข่เป็นอย่างไรก็จะได้เห็นกันชัดๆ คราวนี้ล่ะครับ

หรือเรื่องของแม่ปลาที่อมลูกๆ นับพันตัวไว้ในปาก เพื่อปกป้องลูกๆ ให้รอดพ้นจากสัตว์นักล่าตัวอื่นๆ และตอนที่ดูฮาสุดๆ ก็คงหนีไม่พ้นตอนที่เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายต่างพากันมึนเมาหลังจากกินผลไม้ที่มีฤทธิ์ทำให้เมาเข้าไป – ใครไม่เคยเห็นช้างเซหรือลิงแฮงค์ก็น่าจะถูกใจกันล่ะครับ เพราะพวกมันเมากันได้ที่จริงๆ

บางเรื่องเห็นแล้วก็ทึ่งครับ เพราะบางทีเราก็อาจคาดไม่ถึงว่าสิ่งเล็กๆ จะก่อให้เกิดเรื่องใหญ่ได้ อย่างการที่รังนกขนาดใหญ่ที่จริงๆ ควรเรียกว่าคอนโดนกถึงจะถูก เพราะเป็นรังขนาดใหญ่ที่นกมารวมตัวกันอยู่นับร้อยนับพันตัว แต่กลายเป็นว่าทั้งรังมีอันต้องถูกไฟไหม้ไม่เหลือซาก อันเนื่องมาจากหยดน้ำเล็กๆ เพียงหยดเดียว – ใช่ครับ หยดน้ำจิ๋วๆ นี่แหละ ประมาณว่าหยดน้ำหยดหนึ่งที่ค้างอยู่ตามกิ่งไม้แถบนั้นดันทำหน้าที่รวมแสงแล้วส่องไปยังจุดหนึ่งของรังนกที่เป็นหญ้าแห้งน่ะครับ ทีนี้พอส่องถึงจุดหนึ่งก็บังเกิดไฟ แล้วก็ลุกลามเผาไหม้คอนโดนกแห่งนั้นอย่างรวดเร็ว

เรื่องนี้กระตุ้นให้ตระหนักเลยครับว่าเราจะดูถูกอะไรเล็กๆ ไม่ได้เลยนะเนี่ย

หรือบางเรื่องก็ทำให้ตระหนักถึงความฉลาดและอุตสาหะของคนพื้นเมืองครับ อย่างการตามหาแหล่งน้ำลับกลางทะเลทรายโดยใช้ลิงบาบูนเป็นเครื่องมือ อันนี้ผมก็ทึ่งอีกแล้วครับ เพราะมันคือภูมิปัญญาในการเอาตัวรอดจริงๆ ประมาณว่าอยู่กลางทะเลทราย การจะหาน้ำมากินเป็นเรื่องยาก ปรากฏว่าคนพื้นเมืองเขาใช้วิธีดักจับลิงบาบูนแล้วทำให้มันกระหายน้ำแบบจัดๆ เพื่อที่จะได้ตามรอยมันไปหาแหล่งน้ำที่อาจจะซ่อนอยู่ตามหลืบเขาที่ยากจะมองเห็น – วิธีคิดของพวกเขาก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะครับ

สารคดีนี้ดูเพลินครับ การเล่าเรื่องถือว่าสนุก แล้วก็มีดนตรีประกอบคลาสสิคใส่ลงมาแบบพอเหมาะ ที่จะได้ยินเพลงของ Johannes Brahms, Carl Maria von Weber และ Pyotr Ilyich Tchaikovsky เป็นอาทิ ซึ่งถือว่าเข้ากับโทนของหนังกำลังดีเลยครับ

ไม่แปลกใจเลยครับที่หนังได้รางวัลลูกโลกทองคำสาขาภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยมในปี 1975 และยังถือเป็นการแจ้งเกิดครั้งสำคัญของ Jamie Uys เพราะหนังประสบความสำเร็จทั้งคำวิจารณ์และทางด้านรายได้ อันเป็นการกรุยทางให้ Uys ได้สร้างตำนานกับ The Gods Must Be Crazy ในอีกไม่กี่ปีให้หลัง

เกร็ดเล็กๆ ที่อยากนำมาบอกก็คือ ว่ากันว่า Bob Hope นักแสดงชื่อดังของอเมริกาเคยเสนอตัวอยากจะมาเป็นผู้บรรยายให้สารคดีเรื่องนี้ครับ แต่ Uys ก็บอกปฏิเสธไปด้วยเหตุผลที่ว่า เขาไม่อยากให้ดาราหรือคนดังมาแย่งความเด่นของหนังไป เพราะดาราที่แท้จริงของหนังควรจะเป็นเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลาย ไม่ใช่คนบรรยาย – ก็พอเข้าใจอยู่นะครับ

สรุปว่าดูแล้วชอบครับ ดูแล้วมีความสุข แฮปปี้ ยิ้มได้ คอสารคดีต้องลองดูสักครั้งครับ

สองดาวกับเศษสามส่วนสี่ดวงครับ

(7.5/10)