Action

6 เพชฌฆาต (1971) Six Assassins

สมัยราชวงศ์ถัง อ๋องเจิ้งกั๋ว หลี่หมิง (Yun Il Bong) อนุชาขององค์ฮ่องเต้ กำเริบเสิบสานฆ่าคนเป็นผักปลา และยังฆ่าแม้กระทั่งอ๋องติ้งเหยียน จางโส่วเจิ้น (Chen Feng Chen) ที่เข้ามาขัดขวางการทำชั่ว จากนั้นก็คิดทูลฮ่องเต้เพื่อกลับขาวเป็นดำ อีกทั้งยังหมายยึดครองแผ่นดินที่เป็นของอ๋องติ้งเหยียนด้วย

ในที่สุดใต้เท้าหยวนอี้เฉิง (Fang Mien) จึงได้ขอร้องให้จอมยุทธมู่จิ้นเจี๋ย (หลิงหยุน, Ling Yun) ช่วยนำพาผู้คนไปหยุดยั้งความชั่วของอ๋องเจิ้งกั๋ว จอมยุทธมู่จึงเลือกผู้กล้าอีก 5 คนมาร่วมงานกันในภารกิจปลิดชีพทรราชย์

สมทบด้วย เสี่ยฟาน (Hsia Fan) ในบท เสี่ยวฮุ่ย ภรรยาของจอมยุทธมู่, หลี่ลี่ลี่ (Lily Li) เป็น เซินเหม่ยเจิน จอมยุทธสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มผู้กล้า, หยางเจ๋อหลิน (Yeung Chak Lam) มาเป็นหนึ่งในคนของอ๋องติ้งเหยียนที่หมายจะลอบสังหารอ๋องเจิ้งกั๋วตอนต้นเรื่อง, เจียนเซิน (Chan Shen) เป็นหนึ่งในองครักษ์ของอ๋องเจิ้งกั๋ว และเรายังจะได้เห็น หงจินเป่า (Sammo Kam-Bo Hung) เป็นหนึ่งในคนของอ๋องเจิ้งกั๋ว – ตอนท้ายที่มีการยกเกี้ยวเป็นขบวนน่ะครับ เฮียหงของเรายืนอยู่หน้าขบวนเลย

ข้อเด่นของเรื่องนี้คือภาพสวยครับ ถ่ายภาพได้ดีโดยเฉพาะต้นไม้และสีเขียวของท้องทุ่ง เครื่องแต่งกายสีสันก็จัดจ้านใช้ได้ ส่วนตัวบทนั้นจริงๆ เข้าท่านะ อย่างแรกเลยคือเขียนตัวร้ายได้ร้ายมาก ร้ายจนสมควรแก่การโดนรุมประชาทัณฑ์ ดูเป็นทรราชย์สุดชั่วที่ชั่วได้สุดขั้วมากๆ ในง่หนึ่งก็ทำให้คนดูอินครับ ทำให้อยากเห็นจุดจบของวายร้ายตนนี้

แต่… ผมคิดว่ามันคงเป็นแนวทางของหนังสมัยนั้นน่ะครับ คืออย่างนี้ ในเรื่องนี่เราจะได้เห็นตัวร้ายอย่างอ๋องเจิ้งกั๋วทำชั่วแบบสารพัด ทำร้ายคนไปมากมายไม่เว้นแม้แต่คนรอบตัวของพระเอก ในแง่หนึ่งมันก็ทำให้เห็นถึงความชั่วของท่านอ๋องและทำให้ความแค้นมันไปสุ่มอยู่ในอกเหล่าตัวเอกมากขึ้นๆ ในมุมนี้ก็เข้าใจได้

แต่ในอีกแง่หนึ่งมันก็อดคิดไม่ได้น่ะครับ ว่ามันทำให้เหล่าตัวเอกดูอ่อนด้อยไปโดยปริยาย เพราะมันกลายเป็นเหมือนว่าตัวเอกอย่างจอมยุทธมู่นี่ดูไม่เฉลียว เพราะสภาพการณ์หลายอย่างมันดูออกอยู่แล้วว่าเดี๋ยวอ๋องเจิ้งกั๋วต้องมาทำร้ายคนใกล้ตัวจอมยุทธมู่แน่ๆ แล้วทำไมถึงไม่เตรียมการป้องกัน ไม่วางแผนรับมือ หรืออย่างน้อยพาพวกเขาหลบไปก่อนก็ได้

แต่นี่เหมือนจอมยุทธมู่ปล่อยให้ตัวละครมากมายต้องเผชิญชะตากรรมอันโหดร้าย คือถ้ามองแบบตรงๆ เลยคือจอมยุทธมู่พิทักษ์ใครไม่ได้เลย ทุกคนโดนอ๋องทำร้ายหมด ตอนแรกผมก็คิดนะว่าจะมีฉากแบบแข่งกับเวลา พวกจอมยุทธมู่จะรีบไปปกป้องผู้คน แต่ก็เปล่าครับ กลายเป็นว่าใครโดนอ๋องเจิ้งกั๋วเล็งไว้ก็มีอันเป็นไปหมด – ในทางหนึ่งก็เลยพยายามเข้าใจว่าคงเป็นการเขียนบทให้คนดูอินมากขึ้นล่ะมั้ง แต่มันก็แลกมาด้วยการที่ตัวเอกดูด้อยลงไปพอตัว

ส่วนคิวบู๊ก็เรื่อยๆ หลายฉากจัดได้สวยและเท่ห์ดี แต่ยอมรับว่าดีกรีความน่าสนใจมันลดลงพอพวกตัวเอกไม่ได้เก่งดังคาด คือกล้าน่ะกล้าครับ แต่ไม่ได้เก่งหรือรอบจัดอย่างที่ควรจะเป็น อีกอย่างคือนอกจากจอมยุทธ์มู่และเซินเหม่ยเจินแล้ว เราแทบจะไม่รู้จักตัวละครอีก 4 คนที่เหลือเลย ตอนแรกก็นึกว่าจะมีการให้แต่ละตัวละครแยกกันไปทำงาน ไปสืบ ไปอะไรตามที่ตัวเองถนัด แต่ก็เปล่าครับ อันนี้ก็แอบเสียดายอีกเหมือนกัน

ก็ลองดูได้ครับ แต่สำหรับผมมันอาจจะขัดใจหน่อย เพราะมันเหมือนนั่งดูคนชั่วก่อกรรม คนดีถูกทำร้ายถูกเอาเปรียบแบบไม่อั้น แทนที่จะมีการหักเหลี่ยมเฉือนคมหรือวางแผนเหนือๆ มาต่อกรกัน แต่ภาพที่เห็นคือตัวร้ายก็ชั่วสุดซอยกันไป ส่วนพวกพระเอกก็ซื่อแบบสุดซอยไปอีกทาง – เอาแค่จอมยุทธมู่ปล่อยให้ภรรยาเข้าใจผิดไปไกล และยังปล่อยให้เธอตกเป็นเป้านี่ ผมว่าก็ไมใช่แล้วล่ะท่าน – ท่านน่าจะทำได้ดีกว่านี้นะนั่น

แต่ก็พยายามมองว่ามันเป็นเรื่องของยุคสมัยน่ะครับ ยุคนั้นสมัยนั้นวิถีแนวคิดของคนเรามันอาจจะสุดซอยแบบนี้เป็นปกติก็ได้ – แต่ก็ยอมรับครับว่ามันทำให้ผมดูหนังเรื่องนี้สนุกน้อยลงไปพอตัว มันเหมือนขัดใจอยู่เป็นพักๆ

สองดาวครับ

(6/10)