นี่คือหนังไซไฟสายฮาที่เหมาะสำหรับคอหนังมนุษย์ต่างดาวเป็นอย่างยิ่งครับ
เรื่องของคู่ซี้จากอังกฤษ แกรห์ม วิลลี่ (Simon Pegg) และไคลฟ์ กอลลิงส์ (Nick Frost) ที่เดินทางมาเที่ยวงานคอมมิคคอนในอเมริกา แล้วก็มีทริปเล็กๆ เดินทางไปยังแอเรีย 51 เพื่อตามรอยมนุษย์ต่างดาว แต่เผอิญครับที่พวกพี่เขาดันได้เจอมนุษย์ต่างดาวของจริง นามว่าพอล (ให้เสียงโดย Seth Rogen) ซึ่งกำลังหลบหนีการตามล่าอยู่ 2 ซี้ของเราเลยตกกระไดพลอยโจนต้องร่วมผจญภัยไปด้วย แล้วเรื่องวุ่นๆ ก็เริ่มขึ้นตรงนั้นครับ
หนังลื่น ฮา และดูได้เรื่อยๆ ครับ ความดีความชอบก่อนอื่นเลยต้องยกให้กับ Pegg กับ Frost เพราะนอกจากพวกพี่เขาจะแสดงนำได้อย่างลื่นไหลแล้ว พวกเขายังเป็นคนเขียนบทหนังเรื่องนี้เองด้วยครับ
ว่ากันว่าบทหนังเรื่องนี้ถือกำเนิดระหว่างการถ่ายทำ Shaun of the Dead พอดีมีอยู่ในหนึ่งเกิดพายุฟ้าคะนอง ฝนตกจนถ่ายทำต่อไม่ได้เลยมีการพักกองชั่วคราว ระหว่างนั้นไอเดียว่าเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวที่ชื่อพอลก็เริ่มก่อตัว แล้วด้วยความที่พวกเขาชื่นชอบหนังไซไฟอยู่แล้ว – โดยเฉพาะสารพัดหนังของ Steven Spielberg – ไอเดียเลยพุ่งแล้วก็เสร็จออกมาเป็นบทหนังเรื่องนี้
และด้วยความที่พวกเขาชื่นชม Spielberg จนเรื่องนี้แว่วไปถึงหูพ่อมดฮอลลีวู้ด Spielberg เลยเสนอตัวว่าจะให้เขามาเล่นรับเชิญสักบทก็ได้เลยนะ ผลก็คือพี่เขามารับเชิญเป็นเสียงครับ ก็คือคนที่คุยกับพอลในฉากย้อนอดีตที่พอลเล่าให้ฟังนั่นแหละ (ฉากนั้นก็ล้อ Raiders of the Lost Ark ไปอีกดอกด้วย)
ผมเชื่อว่าคอหนังไซไฟและคนชอบมนุษย์ต่างดาวน่าจะเพลินกับหนังเรื่องนี้ครับ เพราะหนังมาพร้อมสารพัดมุกเกี่ยวกับต่างดาว โดยเฉพาะสารพัดหนังไซไฟนี่โดนหนังเอามาแซวแบบเพียบไปหมด ผมนี่ดูไปยิ้มไปตลอดเรื่องเลย ในขณะที่ตัวหนังเองก็สนุกดีครับ ตอนต้นๆ (ที่พอลยังไม่โผล่) อาจยังดูเรื่อยๆ อยู่บ้าง แต่พอพอลโผล่มาเท่านั้นแหละ ความสนุกก็ไหลมาเทมา ต้องยอมรับว่าคาแรคเตอร์พอลนี่เขียนมาได้ดี ดูมีความเด่นและน่ารัก ดูเป็นตัวละครเอเลี่ยนที่น่าจดจำมากๆ แห่งโลกภาพยนตร์เลยก็ว่าได้
ก็ต้องชมผู้กำกับ Greg Mottola (Superbad และ Adventureland) ด้วยครับ ที่สามารถคุมหนังได้อย่างพอเหมาะ มีครบทุกรสชาติทั้งเบาสมอง, แอ็คชั่นไล่ล่าชวนให้ตื่นเต้น, มีความเป็นไซไฟ แล้วไหนจะเรื่องน่ารักๆ ชวนซึ้งระหว่างทางอีก มันอาจไม่ถึงกับสุดยอดนะครับ แต่บอกได้เลยว่าหนังมีความกลมกล่อมและอยู่ในข่ายดีจนน่าพอใจสำหรับหนังไซไฟเบาสมองสักเรื่อง
และดาราในเรื่องก็ขนกันมาเพียบครับ เรียกว่าตัวหนังก็สนุก มุกในหนังก็ฮา ดารายังมาแจมกันแบบจุใจอีก เรียกว่าหนังเรื่องนี้ตอบโจทย์ความบันเทิงได้แบบเต็มอิ่มจริงๆ
เกร็ดเล็กๆ ที่อยากนำมาเล่าก็คือ ก่อนการถ่ายทำหนังเรื่องนี้ ทั้ง Pegg และ Frost ได้เดินทางมาอเมริกาและขับรถอาร์วีท่องไปตามถนนสายเดียวกับที่แกรห์มและไคลฟ์เดินทางในหนังนั่นแหละ แล้วระหว่างทางพวกเขาก็ได้เจอกับสาวเสิร์ฟอัธยาศัยดีที่ช่างเจรจา แล้วก็เจอกับคนที่ไม่น่ารัก (ออกแนวอันธพาลน่ะครับ) ซึ่งเหตุการณ์ที่ว่านี่ก็ถูกใส่ลงมาในหนังด้วย – ว่าง่ายๆ คือซีนนั้นน่ะสร้างจาประสบการณ์จริงที่พวกเขาเจอนี่แหละ
และหนังเคยเกือบๆ จะมีภาคต่อด้วยนะครับ แต่สุดท้ายโครงการก็ล่มไป ก็แอบเสียดายอยู่เหมือนกัน
ในแง่รายได้หนังถือว่าพอคุ้มทุนครับ ทำเงินทั่วโลกไป $97 ล้าน จากทุนสร้างราว $40 ล้าน ก็ถือว่าพอได้แต่ก็ยังไม่สวยแบบเต็มๆ – และอยากจะบอกว่าทุนสร้างหนังเรื่องนี้ สำหรับ Pegg และ Frost แล้วต้องถือว่าเป็นทุนก้อนที่ใหญ่มาก เพราะขนาดเอาทุนในการสร้าง Shaun of the Dead มาบวกกับ Hot Fuzz ก็ยังไม่ถึง $40 ล้านเลยครับ
และถ้าถามว่าผมชอบประเด็นไหนในหนังที่สุด ก็บอกได้เลยว่าชอบประเด็นที่นำมาสู่บทพูดที่ว่า “เอาชนะพวกนี้ไม่ได้หรอก” นั่นแหละครับ – มันกระตุ้นเตือนให้เราตระหนักนะ ว่าคนที่เชื่ออะไรที่แบบสุดติ่ง พร้อมจะเถียงเพื่อปกป้องความเชื่อตนเองแบบใจขาดนั้นมีอยู่จริงๆ บนโลกครับ ดังนั้นถ้าเราไปเจอกับเขาและมีโอกาสได้สนทนากัน เราก็ไม่ต้องไปเถียงกับเขาหรอก แต่ให้ถือโอกาสนั้นทำการสำรวจเรียนรู้มุมคิดและมุมเชื่อของเขาจะดีกว่า นั่นจะทำให้เราเข้าใจมุมคิดอื่นๆ มากขึ้น เปิดโลกทัศน์ของเราให้กว้างขึ้น แล้วเราค่อยเก็บเอามุมคิดมุมเชื่อเหล่านั้นไปร่วมถกกับคนที่เปิดรับ คนที่พร้อมจะร่วมสำรวจมุมคิดอันหลากหลายของโลกไปด้วยกัน แบบนั้นจะเวิร์คกว่า
การทำสิ่งที่ถูกควรโดยดูทิศทางลม ทำอะไรให้เหมาะสมตามจังหวะและโอกาส จะทำให้เราสามารถใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่า
สรุปว่าหนังสนุก ถูกใจผมครับ
สองดาวสามส่วนสี่ดวงครับ
(7.5/10)
หมวดหมู่:Adventure, Comedy, Movie Reviews, Recommended Movies, Sci-Fi












