Action

Fountain of Youth (2025)

เฉยครับ… ยอมรับเลยว่าเฉยจริงๆ เรื่องนี้

ปกติผมชอบแนวแนวผจญภัยตามล่าหาสมบัติครับ ถ้ามีมาคือต้องดูให้ได้ ชอบทั้งผมและภรรยาเลย แต่กับเรื่องนี้มันรู้สึกตรงกันว่าเฉย รู้สึกว่าหนังมันจืดเกินคาด

หนังมันเล่าไปแบบเรื่อยๆ น่ะครับ ไม่ค่อยมีจุดลุ้นจุดเร้าอะไร คือระหว่างทางมันก็มีแอ็คชั่นและการผจญภัยไปค้นไอ้นั่นหาไอ้นี่ตามประสานั่นแหละ แต่เล่าได้ธรรมดามาก จนผมนี่สารภาพเลยว่ามีหลับเป็นพักๆ พอตื่นแล้วก็ต้องกรอย้อนมาดูใหม่ จนผมตระหนักเลยว่าผมใช้โควต้าความอดทนไปกับการดูเรื่องนี้พอสมควร เพราะเรื่องมันไม่ได้ชวนให้ตาม ปมก็งั้นๆ ตัวละครจริงๆ ก็พอจะมีคาแรคเตอร์ แต่การนำเสนอมันทำให้พวกเขาดูไม่เด่นเท่าไหร่

ที่แปลกใจคือลีลาการเล่าเรื่องนี่แหละครับ คือมันดูเป็นเส้นตรง มันดูจืดชืด เหมือนเล่าแบบทื่อๆ ไปเรื่อยๆ แต่คนกำกับน่ะคือ Guy Ritchie ซึ่งพี่เขาขึ้นชื่อเรื่องลีลาหวือหวาอยู่แล้ว ตั้งแต่งานแจ้งเกิดอย่าง Lock, Stock and Two Smoking Barrels เรื่อยมาถึง Snatch, Sherlock Holmes 2 ภาค, The Man from U.N.C.L.E. แล้วก็ The Gentlemen คือการเล่าเรื่องพี่เขาสนุกจะตายไป แต่เรื่องนี้มันทื่อ ไร้รสชาติจนแอบงง

ส่วนตัวผมมองว่าหนังแนวนี้ถ้าจะให้มันส์ล่ะก็ ตัวละครต้องมีจุดเด่น, ต้องมีการทิ้งปมทิ้งรอยในการตามสมบัติให้สนุก, มีแอ็คชั่นชวนลุ้น, การเล่าตำนานหรือประวัติศาสตร์ของสมบัติก็ต้องทำให้คนดูเชื่อเป็นตุเป็นตะ และระยะหลังหนังแนวนี้เริ่มมีลูกเล่นอย่างเวลาตัวเอกจะคิดจะถอดรหัสอะไรสักอย่าง มันต้องมีงานภาพแสดงให้เห็นถึงการลำดับความคิดหรืออะไรสักอย่าง หรืออย่างน้อยตอนตัวเอกร่ายเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มันก็ต้องชวนฟัง ชวนให้อยากรู้ ชวนให้คนดูค้นหา แต่กับเรื่องนี้นี่การเล่ามันดูธรรมดา เหมือนคนคุยกันทั่วๆ ไป ไม่ได้เร้าให้เราอยากรู้ – ส่วนตัวผมมองว่าฉากที่เกือบๆ จะน่าสนใจคือตอนที่ตัวเอกคุยกันเรื่องไบเบิลน่ะครับ ตอนนั้นจัดว่าเกือบๆ แล้ว เกือบๆ จะน่าสนใจ

ฉากสำรวจต่างๆ ก็ค่อนข้างธรรมดา อย่างตอนไปเรือลูซิทาเนียนี่ จริงๆ หนังโหมโรงได้ไม่เลว ภาพการนำเรือให้ลอยขึ้นมาดูน่าสนใจ แต่พอไปสำรวจจริงๆ กลับไม่มีอะไร และฉากแอ็คชั่นหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรพอกัน มันง่ายจนอึ้งน่ะครับ

งานภาพก็ธรรมดา การตัดต่อก็นิ่ง ซึ่งก็ให้แปลกใจขึ้นไปอีกเพราะทีมงานส่วนใหญ่ก็ก๊กเก่าของพี่ Guy แกทั้งนั้น ไหนจะดนตรีประกอบอีก คือผมรู้สึกเหมือนว่าหนังทำดนตรีประกอบหล่นหายไปในครึ่งเรื่องแรกน่ะครับ มันไม่มีดนตรีอะไรมาบิ้วเลย มาตอนหลังๆ ถึงจะเริ่มมี แต่ก็ไม่เด่นหรือกระตุ้นความตื่นเต้นแต่อย่างใด

จุดที่โอเคของหนังผมยกให้ 20 นาทีสุดท้ายน่ะครับ ซึ่งก็คือตอนไคลแม็กซ์ ช่วงนั้นถือว่าโอเค โดยเฉพาะมุกเปิดกลไกด้วยเสียงนั่น ถือว่าเข้าท่าทีเดียว

สรุปก็ตามนั้นครับ เฉยจนตัวผมเองยังแปลกใจ และก่อนเรื่องนี้ผมมีโอกาสได้ดู ปริศนาลับ ล่าสมบัติสาบสูญ (Schemes in Antiques) หนังล่าสมบัติของจีน ซึ่งมันก็อาจไม่ได้เยี่ยมยอดอะไรมาก แต่ผมว่าก็ยังสนุกและมีอะไรให้ตามมากกว่าเรื่องนี้อีกครับ

และได้ข่าวมาว่าเรื่องนี้ใช้ทุนไป $180 ล้านครับ – ยอมรับว่า… บอกไม่ถูกเหมือนกัน

สองดาวเฉยครับ

(6/10)