ตอนรุ่งเช้าของวันเกิดผมในปีนี้ (2568) ผมตื่นนอนแล้วก็มาออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยาน และกดเลือกสารคดีเรื่องนี้มาดูครับ
The Last Days เป็นสารคดีที่นำเรื่องราวของชาวยิวจำนวนหนึ่งที่รอดชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 มาบอกเล่า สิ่งที่ท่านจะได้รับรู้จากสารคดีนี้ก็คือเรื่องราวชีวิตของพวกเขา ตั้งแต่ก่อนเกิดสงครามว่าพวกเขาเติบโตมาอย่างไร ในชุมชนแบบไหน ครอบครัวพวกเขาเป็นเช่นไร และเมื่อถึงวันที่กองทัพนาซีบุกเข้ามาจับพวกเขาไปยังค่ายกักกัน พวกเขาต้องประสบพบเจอกับเหตุการณ์ใดบ้าง
… ผมว่าผมดูหนังและรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวมาพอสมควรนะครับ แต่บอกตรงๆ ว่าบางเรื่องที่พวกเขาเล่านั้นทำเอาผมอึ้ง บางเรื่องทำให้ผมรู้สึกสลดและหดหู่เมื่อได้รับรู้ว่า “คน” ทำกับ “คน” ด้วยกันได้ขนาดนี้เชียวหรือ?
ผมหดหู่ที่สุดตอนไหนรู้ไหมครับ… ตอนที่ผู้รอดชีวิตท่านหนึ่งเล่าถึงเหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งผมไม่สะดวกใจเลยที่จะเล่าในตรงนี้… ผมพูดแบบนี้แล้วกัน เหตุการณ์ที่ว่านี้ มีคำว่า “ทารก” กับคำว่า “ฉีก” อยู่ในประโยคเดียวกัน…
… ถ้าท่านเคยดู Schindler’s List และคิดว่าภาพที่เห็นโหดร้ายแล้ว ขอบอกครับว่าเรื่องที่ท่านจะได้ยินจากผู้รอดชีวิต มันโหดกว่า นองเลือดกว่า หดหู่กว่า แต่กระนั้นผมก็อยากให้ท่านได้ลองสัมผัสนะ เพราะอย่างแรกเลยคือมันเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริงๆ บนโลกใบนี้ และบางทีโลกนี้ก็ควรรับรู้เรื่องเหล่านี้กันให้มากขึ้น เพื่อตระหนักว่ามันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว และจะได้ช่วยกันหาทางว่าจะทำยังไงไม่ให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอยอีก
สารคดีนี้ยาวประมาณ 90 นาทีครับ และน่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ และถึงแม้เรื่องราวที่เราได้รับรู้ส่วนใหญ่มันจะโหดร้ายและชวนให้เศร้าหมอง แต่ในตอนท้ายมันก็ยังจบลงอย่างมีความหวัง… ผมสัมผัสได้ครับว่าเหล่าผู้รอดชีวิตได้แบ่งปันพลังบวกที่พวกเขามี/ที่พวกเขารู้สึก ส่งต่อมายังคนดูอย่างเราๆ
สิ่งหนึ่งเลยที่ผมคิดหลังดูจบคือ ผมจะจำเรื่องราวของพวกเขาไว้ ทั้งความทุกข์ทรมาน ทั้งวิบาก รอยแผล และความเจ็บช้ำ – จำไว้ทำไมน่ะเหรอครับ? ผมจะจำไว้เพื่อนำมาเตือนตัวเองในวันที่ผมเหนื่อย วันที่ผมท้อ วันที่ผมเจอเรื่องแย่ๆ วันที่ผมเจอเรื่องร้ายๆ วันที่ผมรู้สึกหมดกำลังใจเพราะอะไรบางอย่าง…
ผมจะถามตัวเองว่า “ที่เจออยู่นี่น่ะ หนักเท่าที่พวกเขาเจอไหม?”
ถ้าถามว่าทำไมผมถึงนำเอาสารคดีนี้มาดูในเช้าวันเกิด? – ตามความคิดของผมน่ะนะครับ ผมว่าไม่มีอะไรที่จะเตือนใจให้เราเห็นความสำคัญของ “การมีชีวิต” ได้ดีเท่ากับเรื่อง “การตาย” อีกแล้ว…
ถือเป็นสารคดีที่มีดี คู่ควรกับออสการ์สาขาภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยมในปีนั้น
เป็นอีกหนึ่งสารคดีที่อยากแนะนำครับ
อันว่าข้อดีประการหนึ่งของความมืดมิด คือการทำให้เราตระหนักว่า ยังมีแสงสว่างอยู่ ที่ไหนสักแห่ง…
สามดาวเต็มครับ
(8/10)
หมวดหมู่:Documentary, Highly Recommended Movies, Movie Reviews, War












