อดีตทหารแกร่งซาร่า วูลฟ์ (Jeanne Goursaud) พาลูกไปทำธุระที่สถานกงสุล แต่ไปๆ มาๆ ลูกเธอกลับหายตัวไป การตามหาอย่างบ้าระห่ำจึงเริ่มต้น
ถ้าให้นิยามง่ายๆ เรื่องนี้ก็คือ Flightplan ที่เปลี่ยนจากเหตุเกิดบนเครื่องบิน มาเป็นในสถานกงสุลสหรัฐฯ ครับ สำหรับผมตัวหนังแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกคือการปูพื้น ตั้งแต่ปูให้เรารู้จักว่าซาร่านั้นคืออดีตทหารที่สูญเสียสามีไป เธอเหลือแต่ลูกชาย และตัวเธอก็มีความบอบช้ำทางจิตใจอันเนื่องมาจากปฏิบัติการในสงคราม
แล้วพอถึงสถานกงสุลสักพักลูกเธอก็หายครับ ซึ่งช่วงนี้เธอก็จะแสดงความหวาดหวั่นตกใจ ซึ่งก็คงต้องแล้วแต่เส้นของผู้ชมด้วย เพราะผมเชื่อว่าต้องมีบางท่านที่รู้สึกรำคาญเธอบ้าง แต่ก็อยากให้เข้าใจน่ะครับว่าเธอกำลังห่วงลูกแล้วไหนจะมีความบอบช้ำทางจิตใจอีก เอาเป็นว่าใครรับได้ก็น่าจะยังโอเคกับช่วงแรก แต่หากใครรู้สึกว่าเธอเยอะก็อยากให้รออีกสักหน่อยครับ ทนสักนิด เพราะเดี๋ยวพอผ่านช่วงครึ่งแรกไปหนังมันจะเริ่มโอเคของมันเอง
ในช่วงที่ 2 คือช่วงที่เธอเริ่มตั้งหลักได้ เริ่มกอบรวมสติเข้าไว้ด้วยกัน แล้วก็เริ่มสืบหาลูกอย่างมีสติมากขึ้น รวมถึงการมาของตัวละครอย่าง ไอริน่า (Lera Abova) ซึ่งก็มีส่วนช่วยให้เธอสตินิ่งมากขึ้น ช่วงหลังนี่ก็จะเริ่มโอเคขึ้น แต่โดยส่วนตัวมันก็ยังไม่มันส์แบบเต็มๆ หรอกครับ พวกปมต่างๆ หรือสถานการณ์ต่างๆ อาจยังไม่เร้าระทึกถึงขนาด แต่สิ่งที่ช่วยหนังไว้ได้เยอะคือลีลาพะบู๊ของซาร่าที่ค่อนข้างเดือดไม่น้อย ไหนจะการถ่ายแบบ Long Take เป็นระยะๆ อีก ก็ทำให้หนังดูเพลินพอตัว
ส่วนช่วงท้ายอันเป็นตอนจบหนังก็หาทางลงให้ตัวเองได้โอเคครับ คือไม่ได้พลิกผันอะไรมาก ผมว่าท่านที่ดูหนังแนวนี้มาเยอะคงพอเดาได้ แต่ก็ถือว่าโอเคแล้วล่ะครับสำหรับหนังลงสตรีม
สำหรับตัวหนังผมก็ถือว่าโอเคครับ ดูได้เพลินๆ อาจมีจุดไม่สมจริงบ้าง หรือมีจุดที่ชวนให้รำคาญบ้าง แต่ก็พอจะหลับหูหลับตาข้ามๆ ไปได้ แต่ผมชอบสาระในเรื่องนะ คือมันจะเป็นสาระที่หนังตั้งใจนำเสนอไหมอันนี้ก็ไม่อาจทราบ ทราบแต่ว่าผมได้ระหว่างการดูหนังเรื่องนี้
อย่างแรกคือการสอนให้เรามีสติครับ โดยเฉพาะในยามที่เกิดปัญหา ในยามที่สถานการณ์ตรงหน้าไม่สู้ดี การไปอาละวาดหรือเอาแต่อารมณ์มันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา แต่การใจเย็น มีสติ และรู้จักสังเกต รวมถึงประมวลความคิดในสมองมาแก้ปัญหา นั่นต่างหากคือสิ่งที่จะช่วยให้เราหลุดไปจากปัญหานั้นได้ หรืออย่างน้อยก็ช่วยคุมไม่ให้ปัญหามันใหญ่โตไปกว่าเก่า – จริงๆ จะสติแตกบ้างก็เข้าใจได้น่ะครับ แต่พยายามดึงสติกลับมาให้เร็วก็แล้วกัน เพื่อตัวท่านเองครับ
อย่างต่อมาคือ เวลาที่ใครสักคนแสดงความเชื่อมั่นในตัวเรา หรือหันมาให้กำลังใจเรานี่ มันช่วยเพิ่มพลังได้เยอะเลยนะครับ เหมือนตอนที่ซาร่ากำลังสับสน ใจเริ่มอ่อนแรง แต่พอมีใครสักคนมาให้กำลังใจ ยามนั้นพลังที่หดหายก็จะฟื้นขึ้นมาได้ในส่วนหนึ่ง – หากเราอยู่ในฐานะที่ให้กำลังใจกับคนที่เหนื่อยอ่อนได้ มันก็น่าทำอยู่นะครับ (แต่ก็ต้องให้กำลังใจเขาเพื่อทำในสิ่งที่เหมาะควรด้วยนะครับ อันนี้ก็ต้องพึงระวังไว้เหมือนกัน)
ดาราในเรื่องก็ถือว่าโอเคครับ สำหรับผมผมจำพี่ Dougray Scott ได้คนเดียว รายนี้ก็ยังเล่นหนังได้ดีอยู่ครับ และทุกครั้งที่เห็นหน้าเขาผมก็จะถึงบทวูลฟ์เวอรีน (ที่เขาเคยเกือบจะได้เป็น) ทุกทีไป
สรุปว่าถ้าใครชอบหนังแนวระทึกประเภทตัวเอกต้องมาระห่ำตามล่าหาอะไรสักอย่างที่ถูกพรากไป แล้วก็เริ่มต้นจากไม่รู้เลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น จากนั้นก็ค่อยๆ รู้ทีละเปลาะๆ เรื่องนี้ก็ถือว่าพอได้ครับ ไม่ถึงขั้นเด็ดแต่ก็พอเพลิน
สองดาวครับ
(6/10)
หมวดหมู่:Action, Movie Reviews, Mystery, Thriller












