Comedy

The Cutting Edge 3: Chasing the Dream (2008) แผ่นดินไหว ยังต้านรักนี้ไว้ไม่อยู่ 3

ภาคแรกถือว่าทำได้ดี ภาคสองก็โอเคกว่าที่คิด ครั้นมาดูภาค 3 ผมก็เผื่อใจไม่คาดหวังตามสูตรครับ เผื่อความโอเคมันจะลดลงตามจำนวนภาค แต่ที่ไหนได้ ภาคนี้ก็ใช้ได้อีกเหมือนกัน ถือว่าพอฟัดพอเหวี่ยงกับภาค 2 เลย

ตัวเอกภาคนี้คือ แซ็ค คอนรอย (Matt Lanter) นักสเก็ตลีลาที่จับคู่กับเซเลสต์ (Sarah Gadon) มานาน แต่แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดฝันเมื่อเซเลสต์บาดเจ็บจนต้องพักการสเก็ตไป และหากแซ็คไม่สามารถหาใครมาคู่ได้ เขาก็จะอดลงแข่ง

แล้วโชคชะตาก็หนุนนำให้เขาได้เจอกับอเล็กซ์ (Francia Raisa) นักฮ็อคกี้สาวที่มีความฝันจะเป็นนักสเก็ตลีลาเหมือนกัน แน่นอนว่าตอนแรกพวกเขาก็ยังไม่ค่อยเข้าขากันเท่าไร แต่ท่านก็คงเดาได้น่ะนะครับ ลองว่าพวกเขาได้คู่กันแบบนี้ เดี๋ยวกามเทพก็ต้องแผลงศร อุ้มสมให้พวกเขารักกันจนได้นั่นแหละ – แต่กว่าจะลงเอยกันได้ พวกเขาก็ต้องเจอวิบากกรรมหลายอย่างอยู่เหมือนกัน

ภาคนี้ยังทำให้ผมเพลินได้อยู่ครับ โอเค คือมันอาจมีส่วนที่ผมไม่ถูกจริตบ้าง เช่น ภาคนี้จะมีตัวร้ายหรือตัวอิจฉาแบบออกนอกหน้ามากวนอารมณ์พระนางอยู่เป็นพักๆ แต่ก็ยังดีครับที่อะไรเหล่านั้นมีแบบ “มีบ้าง” ไม่มากจนเกินไป ในขณะที่พื้นที่ส่วนใหญ่ก็เทให้กับการสานสัมพันธ์ระหว่างแซ็คกับอเล็กซ์ ซึ่งก็ดูน่ารักดีครับ โดยส่วนตัวนี่ผมว่าอเล็กซ์ดูเด่นกว่าแซ็คนะ คือเธอดูมีชีวิตชีวา มีความน่ารัก แล้วก็มีความแก่นเซี้ยวค่อนข้างมาก ซึ่งก็ยอมรับเลยครับว่า Raisa แสดงได้ดี และเด่นเอาการในครึ่งแรกของหนัง

และอาจเพราะคนทำก็รู้ครับว่าครึ่งแรกอเล็กซ์จะค่อนข้างเด่นกว่า เลยทำให้ครึ่งหลังนายแซ็คได้มีบทบาทมากขึ้นหน่อย ประมาณว่าตามสูตรของหนังรอมคอมแนวนี้ที่พอหลังกลางเรื่องไป มันจะต้องมีเหตุให้พระนางผิดใจกัน ซึ่งช่วงหลังนี่แหละที่แซ็คดูเด่นขึ้น เพราะพี่ท่านลงมือสะสางปัญหาที่เกิดแบบค่อนข้างแมน และตรงไปตรงมา เรียกว่าตอนหลังนี่นายแซ็คได้คะแนนบวกเพิ่มขึ้นเยอะเลย – อันนี้ต้องบอกก่อนว่าไม่ได้แปลว่าครึ่งแรกแซ็คไม่มีคะแนนบวกนะครับ จริงๆ พี่แกก็โอเคแหละ เพียงแต่ในแง่ความเด่นน่ะ อเล็กซ์จะขโมยซีนไปได้มากกว่าเท่านั้นเอง

สรุปว่าคู่นี้ไปกันได้ครับ น่ารักดี อาจมีบ้างที่ดื้อๆ รั้นๆ แต่ก็พอเข้าใจว่าวัยหนุ่มสาวแบบนี้การจะถืออารมณ์ตนเองเป็นหลักมันก็ต้องมีบ้างน่ะแหละ

และอีกอย่างที่ผมโอเคคือหนังสามารถเชื่อมต่อเรื่องราวเข้ากับภาคอื่นๆ ได้ อย่างภาคนี้เราจะได้เจอกับแจ็คกี้ (Christy Carlson Romano) ตัวเอกจากภาคสองโผล่มาด้วย มาเป็นโค้ชให้พวกเขาครับ ซึ่งถือเป็นการเชื่อมเรื่องที่ดีนะ เพียงแต่การเล่าเรื่องในส่วนของแจ็คกี้อาจยังไม่กลมกล่อมแบบเต็มๆ คือจริงๆ แจ็คกี้ควรจะมีบทบาทมากกว่านี้สักหน่อยน่ะครับ ก็เรียกว่าเกือบดีแล้วล่ะ แต่ยังขาดอีกหน่อยๆ

แต่รู้สึกดีใจที่เจ้าหน้าที่คอสตูมเขารู้งานครับ โดยจะให้ชุดของแจ็คกี้ออกแนวมีเสื้อคลุม ทำให้เธอดูเป็นผู้ใหญ่กว่าพวกตัวเอก ซึ่งคนที่ดูภาค 2 มาก่อนอย่างผมก็รู้สึกโอเคล่ะครับ เพราะมันช่วยแบ่งช่วงวัยให้กับตัวละครได้ (เพราะจริงๆ อายุของพวกเขาห่างกันแค่ไม่กี่ปีเอง) อันนี้ก็ขอชม Claire Nadon ที่ทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีครับ

ภาคนี้กำกับโดย Stuart Gillard ที่ผมจำชื่อเขาได้แม่น เพราะพี่แกกำกับ Teenage Mutant Ninja Turtles III ไว้ไม่ค่อยสนุกเท่าไร แต่มาเรื่องนี้ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีขึ้นครับ แต่ดีขึ้นก็ยังไม่ถึงขั้นดีมาก คืออยู่ในข่ายดี หนังดูได้เพลินๆ มีลูกเล่นหลายอย่างที่ไม่เลว แต่ความกลมกล่อมบางอย่างก็ยังไม่เข้าที่แบบเต็มๆ – อย่างการมาของแจ็คกี้อย่างที่บอกไปครับ คือเธอน่าจะสอนหรือให้บทเรียนชีวิตกับคู่รักคู่นี้ได้มากกว่าที่เป็น ได้แบบนั้นอีกหน่อยก็จะแจ๋วเลย

และดูท่าว่าจะเป็นสูตรประจำของหนังชุดนี้ไปแล้วครับ นั่นคือพระนางจะต้องมีเรื่องกัน แล้วกว่าจะแก้กันได้ก็ต้องเฉียดฉิวก่อนลงแข่งรอบสุดท้ายแบบไม่กี่วินาที เห็นเป็นงี้ตลอดเลย คงกะให้คนดูลุ้นมากๆ ล่ะมั้งครับ 555

เอาเป็นว่าหนังยังดูได้เพลินๆ ครับ ยังไม่กลมกล่อมเท่าภาคแรก แต่ก็ดีพอที่จะเข้าชุดกับภาค 2 ได้ ดูแล้วไม่ผิดหวังสำหรับหนังรอมคอมนักกีฬาครับ

สองดาวกว่าๆ ครับ

(6.5/10)