นี่คือหนังที่ผมจะเอามาดูเสมอก่อนดู JFK ของ Oliver Stone ครับ เพราะรู้สึกเหมือนมันเป็นภาคก่อนหน้า เป็นการบอกเล่าเรื่องราวช่วงก่อนที่จอห์น เอฟ เคนเนดี้จะถูกลอบสังหาร
สรุปเหตุการณ์เลยก็คือ อเมริกาพบว่าขีปนาวุธของสหภาพโซเวียตมาโผล่ที่คิวบาครับ และจากการคาดการณ์ หากขีปนาวุธนี้ถูกยิงล่ะก็ มันจะมาถึงอเมริกาภายใน 5 นาทีและแน่นอนว่าความเสียหายจะมหาศาล ดังนั้นทางอเมริกาเลยต้องเตรียมพร้อมตั้งรับ อันนำมาสู่ช่วงเวลา 13 วันที่ประวัติศาสตร์บันทึกเอาไว้ว่า “เป็นช่วงที่สถานการณ์หมิ่นเหม่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3”
หนังก็เล่าให้เราเห็นภาพครับว่า 13 วันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลักๆ คือการตั้งรับของประธานาธิบดีเคนเนดี้ (Bruce Greenwood) ที่ส่วนลึกแล้วท่านไม่อยากให้เกิดสงคราม แต่ขณะเดียวกันทางฟากฝั่งทหารบางกลุ่มก็คิดเห็นเป็นอีกด้าน นั่นคือ อเมริกาต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อปรามโซเวียต แต่การปรามที่ว่านั้นน่ะถ้ามีอะไรผิดพลาดก็มีโอกาสกลายเป็นชนวนสงครามได้เลยเช่นกัน
ตัวเอกของเรื่องนอกจาก ปธน. เคนเนดี้แล้วก็ยังมี เคนนี่ โอดอนเนลล์ (Kevin Costner) คนใกล้ชิดของเคนเนดี้ที่คอยประสานงานและร่วมกันคิดหาทางที่จะระงับยับยั้งไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย อีกคนก็บ็อบบี้ เคนเนดี้ (Robert F. Kennedy) ที่ต้องคอยช่วยเหลือพี่ในเหตุการณ์ครั้งนี้ หลักๆ ในเรื่องเราก็จะได้เห็นการทำงานของพวกเขากับช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อต่างๆ ไหนจะต้องรับมือโซเวียต ไหนจะต้องรับมือกับคนในทำเนียบที่บางคนก็มุ่งหมายจะปะฉะดะทั้งกับคิวบาและโซเวียต จนไม่แปลกใจที่หนังจะทำให้เราเห็นว่าใครต่อใครเครียดขนาดไหนกับ 13 วันที่ว่า – เพราะสงครามมันพร้อมจะเกิดอยู่รอมร่อ หายนะมันมาจ่ออยู่หน้าบ้านจริงๆ
ตัวหนังนั้นถือว่าโอเคเลยครับ น่าติดตามอยู่ แต่ก็ต้องบอกก่อนว่ามันน่าติดตามในฐานะหนังประวัติศาสตร์และหนังการเมืองนะครับ เพราะโดยตัวหนังมันไม่ได้เข้มข้นชวนลุ้นแบบแอ็คชั่นแต่อย่างใด ถ้าใครอยากดูหนังทริลเลอร์การเมืองที่เข้มข้นมันส์ๆ ที่มีการขับเคี่ยวชิงไหวชิงพริบล่ะก็ ผมว่าดูหนังที่สร้างจากนิยายของ Tom Clancy (เช่น สารพัดหนังว่าด้วยแจ็ค ไรอัน) น่าจะตอบโจทย์กว่า
จริงๆ หนังน่ะสามารถทำให้ตัวเองเป็นหนังทริลเลอร์ชิงไหวชิงพริบได้เหมือนกันครับ แต่เหมือนผู้กำกับจะไม่ได้มองไปทางนั้น ซึ่งก็พอเข้าใจว่าหนังอยากนำเสนอข้อเท็จจริงของเหตุการณ์มากกว่าจะทำให้หนังออกแนวมันส์ระทึกขวัญ แต่สารภาพว่าลึกๆ ก็อยากให้หนังแอบใส่ความระทึกลงไปมากกว่านี้อีกสักหน่อยให้พอได้รสได้ชาติ รวมถึงอยากเห็นการวางแผนหรือการตัดสินใจเด็ดๆ ของ ท่าน ปธน. อยู่เหมือนกัน
จุดเด่นของหนังก็คงต้องยกให้กับสารพัดดาราคุณภาพที่มากันเยอะพอสมควร ส่วนการเล่าเรื่องก็อย่างที่บอกครับ มันขึ้นกับว่าท่านคาดหวังไปในทางไหน หากคาดหวังที่จะรู้เห็นภาพรวมของประวัติศาสตร์ช่วงดังกล่าว ก็น่าจะโอเคไปกับหนัง แต่หากคาดหวังความตื่นเต้นระทึกใจ หรือหมายจะให้ตัวละครมาเฉือนคมงัดสมองมาประลองกัน อันนี้ก็ต้องเผื่อใจไว้ครับ อย่างที่บอกนั่นแหละ หากอยากได้แบบนั้น ดูหนังแจ็ค ไรอัน หรือซีรี่ส์ 24 จะโอกว่า
ส่วนผมก็อยู่ในข่ายชอบครับ ชอบที่ได้เห็นภาพรวมของการทำงานในสมัยของเคนเนดี้ที่เราจะพอเห็นเค้าลางบางอย่างในความสัมพันธ์ระหว่างเคนเนดี้กับฝ่ายกลาโหมซึ่งมีส่วนทำให้การดู JFK ออกรสมากขึ้น – แต่หากอยากทราบข้อเท็จจริงให้หลากมุมก็ขอแนะนำให้หาหนังสือมาอ่านเพิ่มเติมด้วยนะครับ
หนังจัดว่าดีครับ ผู้กำกับ Roger Donaldson คุมหนังได้ดี แต่อย่างที่บอกน่ะครับว่าถ้าหนังเพิ่มลูกเล่นลีลาให้ดูระทึกขึ้น (แบบลีลาใน JFK) หนังอาจสนุกเพิ่มขึ้นอีกก็เป็นได้ – แต่เท่าที่เป็นอยู่นี่ก็จัดว่าอยู่ในขั้นดีแล้วล่ะครับ
ครับ หนังดี แต่รายได้ไม่เข้าเป้าอีกแล้วครับ หนังทำเงินทั่วโลกไปเพียง $66 ล้าน (ในอเมริกาทำไปแค่ $34 ล้านเท่านั้น) แต่ทุนสร้างน่ะ $80 ล้านครับ ก็เข้าเนื้อไปเยอะเลยเหมือนกัน
ถือเป็นหนังที่บอกเล่าประวัติศาสตร์อีกช่วงหนึ่งที่คุ้มค่าแก่การรับชมครับ โดยเฉพาะคนที่อยากรู้เรื่องของเคนเนดี้ อยากเห็นวิธีในการบริหารจัดการกับปัญหาของคนระดับผู้นำ (แต่ก็อย่าคาดหวังในส่วนนี้มากนักนะครับ เพราะมันยังไม่ถึงขั้นเปิดตำราขนกลยุทธ์มาชนกันหรอก) หรืออยากเห็นความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับรัสเซียก็สามารถเพิ่มเติมความเข้าใจได้จากการดูหนังเรื่องนี้
สองดาวครึ่งครับ
(7/10)
หมวดหมู่:Drama, History, Movie Reviews, Recommended Movies, Thriller











