Comedy (Series)

Hey Vern, It’s Ernest! (1988)

และนี่คือฉบับซีรี่ส์ครับ เป็นรายการที่ฉายตอนเช้าวันเสาร์โดยมีเออร์เนสต์ พี วอร์เรลล์ (Jim Varney) เป็นตัวนำ ส่วนรูปแบบรายการก็จะคล้ายๆ Monty Python น่ะครับ เป็นตลกตอนสั้นๆ ที่เอามาร้อยเรียงต่อกัน แต่ระดับความห่ามฮาจะน้อยกว่าเพราะเป็นรายการที่ทำให้เด็กดูน่ะครับ

สำหรับผมแล้ว มันดูเพลินดีนะครับ จริงๆ โอกาสที่เราจะเบื่อก็น้อยด้วย เพราะมันเป็นตลกตอนสั้นๆ (ที่เรียกว่า Sketch Comedy) แต่ละเรื่องก็จะยาวแค่ 30 – 45 วินาที จบเรื่องนั้นก็ไปต่อเรื่องนี้ ฉายเรียงต่อๆ กันไปจนครบ 1 ตอน (ความยาวประมาณ 22 นาที) ซึ่งเพราะมันสั้นนี่แหละครับ มันเลยดูได้เรื่อยๆ ดูแป๊บๆ เดี๋ยวก็จบแล้ว ซึ่งมันก็สนุกดีครับ เพราะมันรวมความติงต๊องไว้สารพัด นอกจากเรื่องหลักๆ ที่จะว่าด้วยความเพี้ยนของเออร์เนสต์แล้ว เรื่องอื่นๆ ก็บ้าบอไม่แพ้กัน

ไม่ว่าจะเรื่องของช่างตัดผมหูเพี้ยน (Daniel Butler) ที่เออร์เนสต์ไปสั่งให้ตัดผมทรงอะไร พี่แกก็จะได้ยินเป็นอย่างอื่นทุกที หรือเรื่อง My Father the Clown ที่จะว่าด้วยครอบครัวที่มีพ่อเป็นตัวตลก แต่ละตอนคนในครอบครัวก็ต้องเจอเรื่องเพี้ยนๆ เสมอ, Existo the Magician ก็จะเป็นเรื่องของนักมายากล (Bruce Arntson) จอมเปิ่นที่เล่นกลทีไรเป็นอันพังเละทุกที, Chuck and Bobby ก็ว่าด้วย 2 พี่น้องสุดบ้า ชัค (Gailard Sartain) จอมช่างพูด และบ็อบบี้ (Bill Byrge) ที่ไม่พูดอะไรเลย พวกเขาก็จะมาทำอะไรบ้าๆ บอๆ ให้เราดูกัน เนี่ยครับ มันจะประมาณนี้แหละ

ดาราส่วนใหญ่ที่มาเล่นนี่ก็จะเป็นดาราขาประจำที่ตามไปเล่นหนัง Ernest เสมอๆ ครับ ดังนั้นการที่ผมได้ดูซีรี่ส์นี้ก็ทำให้คุ้นเคยกับพวกเขามากขึ้น แล้วก็ตระหนักเลยว่าทีมงานชุดนี้เขาก็มีของนะ แต่ละคนก็มีความสามารถในการสร้างเสียงฮาต่างกันไป และบางคนก็เสียงดีกว่าที่คิดด้วย อย่าง Jackie Welch นี่ก็ร้องเพลงได้เพราะไม่น้อย และที่ผมชอบคือแต่ละเพลงนั้นเนื้อดูง่ายๆ แต่มันสื่อความหมายได้เข้าท่าทีเดียว

และในซีรี่ส์นี้เรายังจะได้เจอกับ ดร.อ็อตโต้ (Varney) โผล่มาแจมด้วยครับ พร้อมกับเจ้าหุ่นวิลลี่ที่ตามมาจากเรื่อง Dr. Otto and the Riddle of the Gloom Beam เหมือนกัน ก็ถือว่าพวกเขาใช้งานจากสิ่งที่พวกเขาสร้างสรรค์ขึ้นมาได้คุ้มอยู่นะครับ

ซีรี่ส์นี้ทำออกมา 13 ตอนครับ ซึ่ง Varney เองก็ต้องเหนื่อยไม่น้อยเหมือนกัน เพราะช่วงนั้นเขากำลังฮ็อต เลยต้องถ่ายทำซีรี่ส์นี้ไปพร้อมๆ กับถ่ายทำหนัง Ernest Saves Christmas ด้วย แต่น่าเสียดายที่ซีรี่ส์นี้ทำออกมาได้แค่ปีเดียวก็โดนแคนเซิลครับ แล้วหลังจากโดนแคนเซิลแล้วซีรี่ส์นี้ค่อยมาได้รับรางวัล Daytime Emmy Award โดย Varney ได้รางวัลไปในสาขานักแสดงในซีรี่ส์สำหรับเด็กยอดเยี่ยมแห่งปี 1989 ซึ่ง Varney เองก็เคยคิดครับ ว่าการที่ซีรี่ส์นี้ได้รางวัลอาจทำให้ทางช่องเปลี่ยนใจยอมให้ซีรี่ส์ไปต่อก็ได้ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นเช่นนั้นครับ สรุปคือจบที่ 1 ปีนี่แหละ

และสิ่งหนึ่งที่อยากบันทึกไว้คือ ก่อนดูเนี่ยผมก็ดูคะแนนโหวตที่คนดูให้ในแต่ละตอน (ดูทาง IMDB) แล้วก็พบว่าตอนทีได้รับคะแนนนิยมสูงสุดคือตอน Hey Vern, It’s Hobbies ซึ่งใจก็สงสัยล่ะครับว่าเพราะอะไรตอนที่ว่านี้ถึงได้คะแนนนิยมสูงสุด ครั้นพอได้ดูก็เข้าใจ คือตอนนี้จะว่าด้วยงานอดิเรกครับ ทีนี้เนือเรื่องหลักก็จะว่าด้วยเออร์เนสต์เห็นว่าเวิร์นเพื่อนของเขามีงานอดิเรกคือสะสมผีเสื้อ เขาเลยหมายมั่นจะจับผีเสื้อแสนสวยตัวหนึ่งมาให้เวิร์นเอาเข้าคอลเลคชั่น

ทีนี้พอเออร์เนสต์จับผีเสื้อแสนสวยตัวเป็นๆ มาได้ ก็ตรงดิ่งเอามาให้เวิร์นทันที แต่ทีนี้ก่อนจะให้เออร์เนสต์ก็สังเกตว่าผีเสื้อที่เวิร์นสะสมนั้นล้วนแต่ไม่ขยับ คือพวกมันถูกสตัฟฟ์ไว้แล้วใส่ในกรอบกระจกน่ะครับ ว่าง่ายๆ คือพวกมันต้องตายก่อนจะกลายเป็นของสะสม พอเออร์เนสต์เห็นดังนั้นก็เลยตระหนักขึ้นมาได้ เลยรีบเอาผีเสื้อตัวที่จับได้เอาไปปล่อย พร้อมบอกกับเวิร์นว่า “ฉันคงให้ผีเสื้อตัวนี้กับนายไม่ได้หรอก ฉันจะไม่ยอมให้มันตาย” ประมาณนี้น่ะนะครับ พอดูปุ๊บก็เก็ททันทีว่าคงเป็นเพราะเหตุผลนี้แหละที่ทำให้ตอนนี้ได้รับคะแนนนิยมสูง เพราะมันมาพร้อมการสอนเด็กๆ เรื่องคุณค่าของชีวิตสัตว์ ถือเป็นอะไรที่น่าสนใจทีเดียวสำหรับสมัยนั้น

ก็เหมาะสำหรับดูเอาฮาเอาขำแบบไร้พิษภัยครับ ใครเป็นแฟนเออร์เนสต์ก็ตามไปดูกันได้นะครับ ผมว่าสนุกดีเหมือนกัน

สองดาวครึ่งครับ

(7/10)