ก่อนดูผมก็ปรับใจไว้ในระดับหนึ่งครับ เพราะนี่เป็นหนังของ Richard Linklater แห่งไตรภาค Before Sunrise และ School of Rock ดังนั้นแนวทางของเขาก็จะไม่ใช่หนังตลาด แล้วก็ต้องบอกเลยว่าหนังเรื่องนี้ไม่ได้มาในแนวแอ็คชั่น หรือในแง่ความฮาก็ไม่ได้ฮาแบบระดมยิงมุกอะไรแบบนั้น แต่จะเป็นการให้ดารามาแสดงฝีมือ แล้วก็นำเสนอหนังแบบเบาสมองแบบตามธรรมชาติ (คือไม่เน้นปรุงนั่นแหละครับ)
แกรี่ จอห์นสัน (Glen Powell) เป็นอาจารย์สอนวิชาจิตวิทยาและปรัชญาที่มหาวิทยาลัยนิวออร์ลีนส์ แล้วเขายังเป็นสายลับพาร์ทไทม์ให้กรมตำรวจ งานหลักของเขาคือการปลอมตัวเป็นนักฆ่าเพื่อล่อซื้อคนที่ต้องการจ้างไปฆ่าใครสักคน ประมาณว่าแกรี่ก็ปลอมตัวไป อ้างว่าเป็นนักฆ่า แล้วก็รวบรวมหลักฐาน อัดเสียงเป้าหมาย หากเมื่อไรที่เป้าหมายเอ่ยชัดเจนว่าต้องการให้ไปฆ่าคน ตำรวจก็จะออกมารวบไปเข้าตาราง อะไรทำนองนี้ครับ
แต่ทีนี้หนึ่งในเป้าหมายของเขาคือสาวสวยนามว่า เมดิสัน (Adria Arjona) ที่คิดจะจ้างเขาไปฆ่าสามีจอมกดขี่ของเธอ แต่งานนี้แกรี่แหกกฎโดยการเกลี้ยกล่อมให้เธอล้มเลิกความตั้งใจซะ (จะได้ไม่ต้องโดนข้อหา) แล้วไปๆ มาๆ เขาก็เริ่มตกหลุมรักเธอจนได้ – แต่ปัญหาคือเธอยังคงเข้าใจว่า เขาคือนักฆ่าจริงๆ เนี่ยแหละ
อย่างที่บอกครับว่าหนังไม่ได้มาแนวแอ็คชั่น แล้วก็ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาขำ แต่มันคือการเล่าเรื่องราวแบบที่ผมเล่าไปในโทนเบาๆ เล่าขำๆ ดูแล้วไม่รู้สึกหนัก แต่ขณะเดียวกันหนังก็ไม่ได้เบาจนดูลอยหรือไร้สาระ มันคือจุดตรงกลางที่ค่อนข้างพอดีครับ มันจะไม่ใช่หนังฮาตึ้งโป๊ะ แต่จะออกแนวเบาสมอง ให้ดาราฉายแสงและแสดงอะไรเบาๆ ตามสไตล์ของแต่ละคน ดังนั้นใครคาดหมายว่าจะได้ดูอะไรที่ขำขากรรไกรค้างก็ขอให้ค้างขากรรไกรไว้ที่เดิมก่อนเลยครับ เพราะมันไม่ได้ฮาอะไรแบบนั้น
โดยส่วนตัวผมชอบ Powell ครับ ผมว่าพี่แกเล่นหนังเก่ง โดยเฉพาะบทพ่อหนุ่มอารมณ์ดีไม่มีพิษภัยและหวังดีต่อชาวบ้านนี่ ผมว่าพี่แกคือตัวเลือกอันดับแรกๆ ในยุคนี้เลยล่ะ ส่วน Arjona ก็ออกแนวเซ็กซี่ น่ารัก สามารถเข้าคู่กับ Powell ได้ดี ส่วนดาราสมทบรายอื่นก็เสริมอารมณ์ขันได้ไม่เลวครับ เพียงแต่ความเด่นแท้ๆ มันจะส่องมาที่ 2 ตัวเอกเป็นหลัก
ผมค่อนข้างเพลินกับหนังครับ ดูไปแบบเบาๆ ไม่เครียด ดูดาราสำแดงฝีมือกันไป ก็เพลินดีอยู่ แต่ถึงกระนั้น แม้ผมจะเพลินกับหนัง แต่ก็ยอมรับว่าตัวบทมันยังเล่นอะไรได้อีกพอสมควร โดยเฉพาะตอนท้ายนี่ก็คิดอยู่แล้วล่ะว่ามันจะต้องมีโจทย์มาให้แกรี่แก้ แต่ไปๆ มาๆ การแก้โจทย์ที่ว่ากลับค่อนข้างง่ายกว่าที่คิด เหมือนว่าปัญหาต่างๆ บทจะแก้ก็แก้ได้ง่ายๆ มันเลยไม่ค่อยได้ลุ้นสักเท่าไร แล้วประเด็นคือจริงๆ เรื่องในตอนท้ายที่แกรี่กับเมดิสันทำไปนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะ แต่กลายเป็นว่าบทจะจบก็จบ ไม่มีผลสืบเนื่อง ไม่มีปัญหาตามมา จนยอมรับเลยว่าตอนที่หนังจบ ผมยังแอบงงเล็กๆ ว่า “อ้าว นี่จบแล้วเหรอ?”
ก็พยายามมองครับ ว่าหนังเขาทำออกมาเบาๆ ไว้ดูสนุกๆ แบบไม่ต้องคิดเยอะ อันนี้ก็ต้องปรับใจกันนิดหนึ่งครับ ประมาณว่าอย่าคาดหวังตอนท้ายที่ลุ้นๆ หรือแก้เกมมันส์ๆ แล้วท่านก็น่าจะโอเค
ส่วนผม นอกจากตอนท้ายที่จบง่ายผิดคาดไปนิด แต่โดยรวมผมชอบนะ ชอบดารา ชอบอารมณ์ขัน ชอบการเล่าเรื่องแบบเพลินๆ – แต่สำหรับตอนจบนี่ ก็มีเรื่อให้คิดเหมือนกันนะ อันนี้คงต้องขอสปอยล์หน่อยล่ะนะครับ ไม่อยากทราบอย่าอ่านครับ
===== สปอยล์ครับ =====
คิดในหนังเนี่ย สรุปว่าทั้งแกรี่และเมดิสันต่างก็ลงมือฆ่าคนไปจริงๆ รายละคน (เมดิสันฆ่าสามีเก่า ส่วนแกรี่ก็ฆ่าแจสเปอร์) ตอนแรกผมก็คิดนะ ว่ามันจะมีผลที่ตามมา มีเรื่องวุ่นๆ ให้พวกเขาต้องแก้อีกหรือเปล่า แต่กลายเป็นว่าหนังจบลงตรงที่ พวกเขาใช้ชีวิตอยู่กินกันแบบมีความสุขครับ จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งไปเลย
ตรงนี้มันก็ให้คิดนะ มันเหมือนกับว่าการที่พวกเขาฆ่าคนที่ก่อปัญหาในชีวิตไปนั้น มันคือการแก้ปัญหาทางหนึ่ง เพราะถ้าพวกเขายังอยู่ ชีวิตของแกรี่และเมดิสันก็ต้องเจอมรสุม เจออะไรอีกเยอะ แต่นี่พอคนที่สร้างปัญหาหายไปจากโลก ชีวิตพวกเขาก็ดี๊ดี ได้อยู่กินกันและมีลูกมีเต้า – ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผู้กำกับ Linklater จะสื่ออะไร ใช่อย่างที่คิดไหม อันนี้คงต้องลองนำมาตรองกันดู
=== หมดสปอยล์ ===
สรุปว่าดูได้สนุกๆ แบบเบาๆ ครับ
สองดาวครึ่งครับ
(7/10)
หมวดหมู่:Comedy, Crime, Movie Reviews, Romance, Romance Romance, Romantic Comedy












