เรื่องของคาวบอยชื่อก้อง ไวลด์ บิลล์ ฮิคค็อก (Charles Bronson) กับนักรบอินเดียแดงนามว่า เครซี่ ฮอร์ส (Will Sampson) ที่มาร่วมมือกันสยบควายเผือกยักษ์ที่แสนร้ายกาจ มันทำให้ผู้คนมากมายต้องล้มตายไป (รวมถึงลูกของเครซี่ ฮาร์สด้วย) แต่ก็แน่นอนครับว่าการจะปราบมันลงได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย
แม้หน้าหนังจะเป็นแนวคาวบอยตะวันตก แต่ระหว่างดูเครดิตเปิดเรื่องนี่ ผมรู้สึกเลยครับว่า “นี่มันหนังสัตว์โลกน่ารักนี่หว่า” คือมันได้อารมณ์นั้นจริงๆ นะ ดนตรีของ John Barry ก็ให้อารมณ์เหมือนหนังสยอง เหมือนมีสัตว์ร้ายซุ่มอยู่ที่ไหนสักแห่ง ทั้งฟอนต์ตัวอักษรที่ใช้ ทั้งบรรยากาศตอนนั้นนี่มันใช่เลยครับ มันคือการโหมโรงเรื่องราวของสัตว์ร้ายชัดๆ แล้วไหนจะฉากตอนที่มันออกอาละวาดนี่ก็ยิ่งชัดครับ ภาพคนถูกมันเข่นฆ่าจนเลือดสาดกระเด็นนี่มันใช่อารมณ์หนังมอนสเตอร์จริงๆ
ครั้นพอไปค้นข้อมูลก็ถึงบางอ้อ เพราะช่วงนั้นหนัง Jaws เพิ่งฮิตแบบสุดๆ ครับ เลยทำให้สารพัดผู้สร้างพยายามสรรหาเรื่องราว บทหนัง หรือไม่ก็นิยายที่ว่าด้วยสัตว์ร้ายเอามาสร้างเป็นหนัง – เผื่อจะฮิตติดลมบนแบบ Jaws ขึ้นมาบ้าง – และคนสร้างหนังเรื่องนี้ก็คือ Dino De Laurentiis ครับ ช่วงนั้นนี่เขาเข็นหนังแนวสัตว์ยักษ์ออกมาถึง 3 เรื่องติดๆ อันได้แก่ หนังลิงยักษ์ King Kong (1976), หนังวาฬยักษ์ Orca (1977) แล้วก็หนังเรื่องนี้ครับ
สำหรับตัวหนังก็จัดว่าออกมากลางๆ ครับ คือดูได้เรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้เด็ดขาดน่าจดจำอะไรนัก ช่วงต้นก็แนะนำตัวละครให้เรารู้จักกับไวลด์ บิลล์ ที่ต้องเจอทั้งมิตรและศัตรูระหว่างทางมากมายเต็มไปหมด ส่วนเครซี่ ฮอร์สก็ต้องเจอกับเรื่องสลดเมื่อต้องสูญเสียลูกไป อันนำมาสู่ภารกิจที่จะนำเกียรติและศักดิ์ศรีคืนมาสู่ตนอีกครั้ง ซึ่งเรื่องส่วนนี้ก็เล่าแบบไปเรื่อยๆ ไม่ได้เข้มข้นหรือชวนติดตามอะไรมาก ว่ากันตรงๆ เลยคือหนังพึ่งพาพลังดารานำอย่าง Bronson เยอะอยู่ครับ ซึ่งพี่หนวดหินในเรื่องก็ดูเด่นและเท่ห์จริง เอาแค่เครื่องแต่งกายและแว่นตาก็เด่นสุดๆ แล้ว ต้องยอมรับครับว่าถ้าไม่ได้ลีลาเท่ห์ๆ ของพี่หนวดหิน หนังจะจืดลงไปไม่น้อยเลยล่ะ
ส่วนครึ่งหลังก็เข้าโซนไล่ล่าหาควายเผือก ซึ่งก็ออกมาแบบเรื่อยๆ เช่นกัน มันไม่ได้เร่งเร้าหรือตื่นเต้นอะไร ต้องรอจนถึงไคลแม็กซ์โน่นแน่ะครับเข็มความตื่นเต้นถึงจะกระดิกขึ้นมาบ้าง แต่ที่ใช้คำว่า “บ้าง” เนี่ยก็เพราะเอาเข้าจริงมันก็ไม่ถึงกับตื่นเต้นแบบมากมายอะไร ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเราจะไม่ค่อยได้เห็นตัวควายเผือกที่ว่านี่สักเท่าไร หรือพอเห็นแต่ละทีก็เห็นแบบไม่ชัดเจน เห็นแบบตัดต่อไวๆ อะไรแบบนั้น
ซึ่งจริงๆ แรกเริ่มเดิมทีนั้นเราจะเห็นเจ้าตัวควายเผือกนี่น้อยกว่าที่เห็นในหนังซะอีกครับ เพราะตอนแรกทีมงานไม่ได้สร้างตัวมันขึ้นมา เลยมักจะถ่ายภาพแบบเห็นหลังเห็นไหล่มัน หรือไม่ก็เห็นเขา แต่จะไม่เห็นตัวเต็มๆ ซึ่งว่ากันว่า Laurentiis ตอนเห็นงานตัดต่อออกมารอบแรกนี่ไม่สบอารมณ์อย่างแรงครับ เพราะมันไม่เห็นเจ้าสัตว์ร้ายในเรื่องเลย จนเขาต้องเชิญให้ Carlo Rambaldi มาช่วยสร้างหุ่นควายยนต์ขึ้นเพื่อใช้ในการถ่ายเพิ่มเติม เราถึงได้เห็นเจ้าสัตว์ร้ายแบบเป็นตัวเป็นตนบ้าง แม้จะเห็นแบบไวๆ ก็เถอะ – แต่ถ้าให้พูดแบบตามจริงก็คือ พอหนังออกมาแบบนี้ เราเลยสัมผัสพลังของเจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้ได้ไม่มากนักครับ แน่นอนว่ามันไม่เต็มอารมณ์เท่า Jaws หรอก
โดยรวมหนังเลยจัดว่าดูได้ครับ ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ได้เด่นอะไร ดังนั้นถ้าใครหวังอะไรมันส์ๆ ก็คงต้องขอให้ทำใจไว้ว่าหนังมันไม่ได้มันส์อะไรนักหรอก ข้อดีจริงๆ ของหนังคือการแสดงของ Bronson, Sampson และดาราสมทบอย่าง Jack Warden ในบท ชาร์ลี เซน ตาเฒ่าที่มาช่วยไวลด์ บิลล์ ในการออกล่าครั้งนี้ ในขณะที่การเล่าเรื่องค่อนข้างธรรมดาจริงๆ
หนังกำกับโดย J. Lee Thompson เจ้าของผลงานระดับตำนานอย่าง The Guns of Navarone, Cape Fear และ Mackenna’s Gold ซึ่งก็บอกได้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้น่าจดจำเท่าเรื่องเหล่านั้นครับ
แต่ถึงกระนั้นก็มีคนชอบหนังเรื่องนี้นะครับ เขาคือ Quentin Tarantino และเขาชอบมากจนถึงขั้นทำการคารวะในหนังเรื่อง Django Unchained ถ้าสังเกตก็จะพบว่าตัวละครของ Jamie Foxx นั้นสวมแว่นตาแบบเดียวกับที่ Bronson ใส่ในเรื่องนี้เลย
และหนังเรื่องนี้ได้รับการบันทึกว่าเป็นหนังคาวบอยตะวันตกเรื่องสุดท้ายของ Bronson ครับ
สองดาวครับ
(6/10)
หมวดหมู่:Action, Adventure, Monster Movies, Movie Reviews, Western












