Action

The Train (1964)

นี่คือหนังแอ็คชั่นที่มีฉากหลังเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่แม้จะเก่ากว่า 60 ปีแล้วก็ตาม แต่ก็ยังจัดว่าทำได้ยอดเยี่ยมมากเรื่องหนึ่งครับ

เรื่องหลักๆ เลยก็คือ ผู้พันฟรานซ์ ฟอน วอลด์ไฮม์ (Paul Scofield) ต้องการจะขนเอาศิลปะวัตถุอันล้ำค่าของฝรั่งเศสส่งไปยังเยอรมนีทางรถไฟครับ ทีนี้พอหน่วยต่อต้านอย่าง พอล ลาบิช (Burt Lancaster) ทราบแผนเข้าก็เลยพยายามทำทุกทางเพื่อจะสกัดกั้นไม่ให้การขนย้ายครั้งนี้สำเร็จลุล่วง อันนำมาสู่การหักเหลี่ยมเฉือนคมที่น่าติดตาม

หนังสนุกครับ ดูแล้วชอบมาก แม้หนังจะเก่าและเป็นขาวดำก็ตาม แต่การเดินเรื่องจัดว่าชวนติดตามอย่างยิ่ง พลังอย่างแรกเลยของหนังต้องยกให้การแสดงของเหล่าดาราที่เล่นกันแบบเต็มที่ จริงๆ แค่ดู Lancaster และ Scofield ก็คุ้มแล้วครับ รายแรกก็แสดงเป็นพระเอกที่ต้องใช้ไหวพริบแก้ไขสถานการณ์ที่พร้อมจะพลิกผันอยู่เสมอ แล้วเรื่องนี้ Lancaster ยังแสดงฉากสตันท์เองทั้งหมดด้วยครับ

ส่วน Scofield ก็ดูร้ายกาจแบบมีสมอง ความสนุกมันอยู่ตรงที่ตัวละครผู้พันฟรานซ์นี่จะสามารถจับทางและเดาแผนสกัดของอีกฝ่ายเป็นพักๆ แล้วก็จะหาทางโต้กลับหรือไม่ก็เอาคืน บอกเลยครับว่าหนังเรื่องนี้ที่สนุกนั้น ส่วนหนึ่งก็เพราะการผลัดกันได้เปรียบผลัดกันเสียเปรียบของทั้งสองฝ่ายนี่แหละ

หนังจัดว่าน่าติดตามไปจนจบครับ โอเคตอนต้นช่วงปูเรื่องอาจเรื่อยๆ บ้าง แต่พอถึงตอนที่ผู้พันฟรานซ์เตรียมให้รถไฟออกเดินทางนี่ความสนุกเริ่มไหลมาเทมา ดูไปก็ลุ้นไปครับเพราะแม้พอลกับพรรคพวกจะเก่งแค่ไหนก็เถอะ แต่ยังไงในแง่ของกำลังและอาวุธนั้นพวกเขาไม่อาจปะทะกับเหล่านาซีโดยตรงได้อยู่แล้ว ระหว่างทางมันเลยมีการเสียสละเกิดขึ้น ซึ่งก็สร้างความสะเทือนใจและเป็นเงื่อนไขความลุ้นได้ไม่น้อยเหมือนกัน

ผมคงไม่บรรยายมากครับ หลักๆ เลยคือหนังดูสนุก งานโปรดักชั่นถือว่าถึงฟอร์มสำหรับยุคนั้น หรือในแง่ความตื่นเต้นน่าติดตามก็ต้องถือว่าไม่น้อยหน้าหนังสมัยใหม่เลย แน่นอนครับว่างานเทคนิคบางอย่างมันย่อมสู้กันไม่ได้อยู่แล้ว แต่ผู้กำกับ John Frankenheimer ก็สามารถคุมหนังให้เปี่ยมไปด้วยความระทึกและตื่นเต้นได้อย่างน่าปรบมือ

ผมเข้าใจนะว่าคอหนังบางคนอาจไม่ชอบดูหนังเก่าเพราะมันอาจดูยืด ดูเชย หรือดูไม่จัดจ้านแบบหนังสมัยใหม่ อันนี้ผมเข้าใจเพราะหลายๆ ครั้งผมก็เป็น ดูหนังแอ็คชั่นเก่าๆ แล้วมันไม่ได้ตื่นเต้นตูมตามอะไร แต่กับเรื่องนี้นี่ผมดูแล้วมันรู้สึกลุ้นและตื่นเต้นจริงๆ น่ะครับ เลยขอคาบมาบอกเพราะอยากให้ลองดูกัน ผมเชื่อว่าท่านจะไม่รู้สึกเสียดายเวลาหรอก เพราะของเขามีดี หรืออย่างมากถ้าไม่ถูกจริตก็หยุดดูครับ แต่อยากให้ลองก่อน อย่าเพิ่งเทหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ยังไม่ได้ดูเลยครับ

เกร็ดจากหนังที่อยากนำมาบอกก็คือ แรกเริมเดิมที Arthur Penn จะเป็นคนกำกับหนังเรื่องนี้ครับ เขาได้เริ่มกำกับหนังเรื่องนี้ไป 1 วัน แล้วก็กลายเป็นว่า Lancaster มีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับหนังไปคนละทางกับ Penn อาทิเช่น Penn นั้นอยากเน้นโฟกัสเรื่องราวไปที่พอลเป็นหลัก แล้วก็จะไม่เน้นไปที่ปฏิบัติการขัดขวางขบวนรถไฟเท่าใดนัก แต่ Lancaster ไม่เห็นด้วย เขามองว่าพวกฉากแอ็คชั่นและปฏิบัติการทั้งหลายนั่นแหละคือจุดขายที่จะทำให้หนังฮิต จนในที่สุดพอตกลงกันไม่ได้ Lancaster ก็เชิญ Penn ออกจากกอง แล้วก็เชิญ Frankenheimer มาทำหน้าที่แทน

สำหรับประเด็นนี้ หลังจากดูหนังแล้ว ก็ต้องยอมรับครับว่า Lancaster คิดถูก เพราะความสนุกมันอยุ่ตรงความลุ้นของปฏิบัติการนั่นเอง อีกทั้งตัวละครน้อยใหญ่ที่มามีส่วนในการสานแผนให้สำเร็จ พวกเขาเหล่านี้ก็เพิ่มความน่าจดจำให้หนังได้เยอะอยู่เหมือนกัน

สรุปว่าหนังเรื่องนี้คุ้มค่าแก่การรับชมสักครั้ง ทั้งในฐานะหนังสงครามและหนังแอ็คชั่นจารชนครับ

สามดาวเต็มครับ

(8/10)