จากหนังสั้นชื่อเดียวกันนี้ในปี 2014 ที่สร้างสรรค์โดย Bryce McGuire และ Rod Blackhurst ที่มันไปเตะตา James Wan จนขอซื้อสิทธิ์มาทำหนังใหญ่ แล้วงานก็ได้ออกมาเป็นเรื่องนี้ซึ่งตอนปล่อยตัวอย่างนี่คนเหมือนจะฮือฮาพอตัว แต่ครั้นพอออกฉายดันมีเสียงบ่นตามมาจนผมยังงงว่าเกิดอะไรขึ้น… ครั้นพอได้ดูก็พอเข้าใจครับ
ตอนเป็นหนังสั้น เรื่องราวจะว่าด้วยหญิงสาวกำลังว่ายน้ำอยู่ในสระตอนกลางคืน แล้วก็เจอเรื่องสยองเข้า พอมาทำเป็นหนังใหญ่ก็เลยมีการใส่รายละเอียดเพิ่มขึ้นจนได้เรื่องเป็นว่า ครอบครัววอลเลอร์เพิ่งซื้อบ้านหลังใหม่ จะได้เริ่มชีวิตใหม่กัน โดยคนพ่อ (Wyatt Russell) คือนักเบสบอลที่กำลังประสบปัญหาจากอาการบาดเจ็บจนไม่สามารถเล่นได้เหมือนเดิม แต่เขาก็ยังได้กำลังใจจากภรรยา (Kerry Condon) และลูกๆ ทั้ง 2 คน
แต่แล้วก็เริ่มมีเรื่องแปลกๆ เกี่ยวกับสระว่ายน้ำในบ้านครับ แต่ละคนที่ว่ายเริ่มเจอเหตุการณ์ประหลาด จนในที่สุดก็นำไปสู่การตามล่าหาความจริงว่าตกลงสระน้ำแห่งนี้มีอะไรอยู่กันแน่
ว่าตามจริงคือหนังไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดครับ โอเค ไอเดียผีในสระน้ำถือว่าน่าสนใจ แต่กลายเป็นว่าลีลาการหลอกหลอนของผีในเรื่องมันไม่ได้น่าสะพรึงขนาดนั้น มุกที่ผมว่าเข้าท่าสุดคือตอนที่ตัวละครว่ายน้ำลงไปในสระ แล้วก็ว่ายดำต่อๆ ไปจนพอหันกลับมาพบว่าตัวเองอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้ อันนั้นดูหลอนสุดแล้วครับ คือถ้าเป็นเราไปเจอแบบนั้นคงเหวอน่าดูล่ะ แต่นอกนั้นถือว่าธรรมดา ไม่ได้น่ากลัวอะไร
หรือไม่บางฉากก็ไปดูละม้ายคล้ายกับหนังเรื่องอื่นๆ อย่างซีนที่เอลเลียต (Gavin Warren) เจอดีนั่นผมก็นึกถึง IT ขึ้นมาทันที
อีกส่วนหนึ่งคือหนังดูจะเทน้ำหนักไปที่เรื่องดราม่าของครอบครัววอลเลอร์เสียมาก ซึ่งก็พอเข้าใจครับว่าคงอยากให้หนังดูมีอะไร แต่เรื่องมันก็ไม่ได้น่าสนใจขนาดนั้นแม้ดาราจะแสดงกันได้โอเคก็ตาม แต่หลายประเด็นที่หนังเปิดมา (เกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัว) มันก็ไม่ได้ลงลึกสักเท่าไร
และบางประเด็นก็เหมือนจะถูกใส่ลงมาเพื่อยืดเรื่องน่ะครับ ประมาณว่าพอแต่ละคนเจอดีในสระกันมา แต่ก็พยายามไม่บอกหรือไม่ปรึกษาคนอื่่น เช่นตอนที่เอลเลียตอยากบอกพ่อแม่ แต่พี่สาว (Amélie Hoeferle) ก็บอกประมาณว่าอย่าไปบอกเลย พ่อแม่มีเรื่องเครียดพอแล้ว และตอนนี้ก็กำลังจะเริ่มต้นใหม่ อย่าไปบอกอะไรให้พวกท่านหนักใจเลย คือจะมองในเชิงดราม่ามันก็ได้น่ะครับ แต่ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่ามันคือการยืดเยื้อเรื่องให้ยาวออกไปนั่นแหละ
จริงๆ ผมก็เห็นใจ McGuire และ Blackhurst อยู่นะครับ คิดว่าตอนทำก็คงกดดันพอสมควร เพราะจะเกิดหรือไม่เกิดก็วัดกันที่งานนี้แหละ ก็เลยพยายามใส่อะไรลงไปหลายอย่างเพื่อให้หนังดูครบ ทั้งในแง่ความสยองและในแง่ของมิติตัวละคร แต่การถ่ายทอดเล่าออกมามันยังธรรมดาครับ ในมุมสยองก็ยังไม่สยองเต็มที่ ในมุมดราม่าก็ยังไม่เข้มข้น ยิ่งประเด็น “ความลับของสระว่ายน้ำ” ที่ผูกใส่ลงไปนั้น ผมว่าพวกเขาพยายามนะ คือพยายามให้มันดูมีอะไรมากกว่าแค่สระน้ำผีสิง ซึ่งจะมองว่าเข้าใจคิดเข้าใจผูกก็ได้น่ะครับ แต่ถ้าใครไม่ซื้อไอเดียนี้นี่ก็คงเฉยกับหนังหรือไม่ก็มองว่าหนังออกทะเลไปเลยเหมือนกัน
ส่วนผมก็พอเข้าใจประเด็นที่หนังพยายามผูกครับ มันก็ใช้ได้นะ เพียงแต่สิ่งสำคัญอย่างความสยองนั้นมันนิ่งไปหน่อย อันนี้ก็มองว่า McGuire ในฐานะผู้กำกับคงต้องเก็บประสบการณ์เพิ่มอีกพอสมควรครับ เพราะถ้าวัดจากงานชิ้นนี้ มันถือเป็นหนังสยองที่ไม่ค่อยสยองนัก
แต่อย่างน้อยผมก็ชอบแง่คิดหนึ่งที่หนังฝากไว้นะครับ นั่นคือคนเป็นหัวหน้าครอบครัวน่ะ คือ เดอะ แบก มันคือเรื่องธรรมดาครับหากหัวหน้าครอบครัวต้องเหนื่อยสุด หนักสุด เผชิญอะไรมากสุดจนบางทีนี่แทบจะต้องแลกชีวิตกันเลยล่ะ จะไปหวังปาฏิหาริย์ช่วยเหลือมากก็ไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่มันต้องพึ่งพาตัวเอง แล้วก็ต้องทำแบบเต็มที่เพื่อให้คนในครอบครัวได้มีความสุข
ใครมีคนช่วย หรือมีอะไรทุ่นแรงก็ดีไป แต่หากใครไม่มีอะไรช่วยเลย แล้วต้องลุยกับปัญหาแบบเดี่ยวๆ ก็คงต้องทำใจรับ… ณ บางวาระเวลา การอดทนทำใจรับคือสิ่งเดียวจริงๆ ครับที่จะทำให้ท่านผ่านช่วงเวลาอันเหนื่อยล้านั้นไปได้ การตีโพยตีพาย โวยวาย หรือฟาดงวงฟาดงามันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอก คือท่านอาจจะได้ระบายนะ แต่มันก็มีราคาที่ต้องจ่าย มีบางอย่างที่ต้องเสีย และบางทีมันก็ไม่คุ้มเลย
สำหรับคนเป็นหัวหน้าครอบครัวอย่างผมแล้ว มันเป็นประเด็นที่เตือนใจเราได้อย่างมีความหมายครับ
หนังก็ทำเงินไปพอได้ครับ ลงทุน $22 ล้าน ได้คืนมา $54 ล้านจากทั่วโลก แม้จะไม่ขาดทุนแต่ก็ยังไม่ใช่ตัวเลขที่สวยนัก
ไม่ถึงสองดาวครับ
(5.5/10)
หมวดหมู่:Horror, Movie Reviews, Mystery, Supernatural Horror












