กงเหว่ย (หลี่เหลียนเจี๋ย, Jet Li) ตำรวจที่ปลอมตัวแทรกซึมเข้าแก๊งโจรต่างๆ ตามที่เบื้องบนจะมอบหมายมา โดยที่ภรรยาและลูกของเขาไม่รู้ และงานล่าสุดคือการแทรกตัวเข้าไปในแก๊งของโปกวง (ยวี๋หรงกวง, Yu Rongguang) หัวหน้าโจรที่แสนเหี้ยมในฮ่องกง เขาไม่รู้เลยครับว่างานครั้งนี้กำลังจะนำอันตรายครั้งใหญ่มาสู่ครอบครัวของเขา
ออกตัวเลยครับว่าผมชอบหนังเรื่องนี้ เพราะมันดูสนุกและเพลินในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งตัวหนังจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่เล่าเรื่องการแทรกตัวของกงเหว่ยที่มีความระทึกและแอ็คชั่นใส่ลงมาเป็นพักๆ และอีกส่วนคือพาร์ทดราม่าที่เล่าเรื่องของครอบครัวกงเหว่ย ซึ่งผมว่าหนังเล่าได้ดีนะ คือทำได้โอเคทั้งพาร์ทแอ็คชั่นและพาร์ทดราม่า ในโซนแอ็คชั่นก็จัดลงมาได้มันส์เอาเรื่อง ส่วนพาร์ทดราม่าก็ดูมีอะไร คือไม่ใช้แค่นำเสนอแบบผ่านๆ เหมือนที่หนังแนวนี้ส่วนใหญ่มักทำกัน คือดูแล้วรู้สึกได้ว่าตัวละครมีมิติน่ะครับ ทั้งภรรยาของกงเหว่ยและเสี่ยวกู (เซียะเหมียว, Xie Miao) ลูกชายของเขา อันนี้ยอมรับเลยว่าเซียะเหมียวเล่นได้ดีมาก เป็นเด็กที่แกร่งและเด็ดเดี่ยว ดูแล้วเชื่อน่ะครับว่าพวกเขาเป็นพ่อเป็นลูกกันจริงๆ
ยังมี เหมยเยี่ยนฟาง (Anita Mui) ในบทนักสืบฟ่ง ที่พยายามตามรอยว่ากงเหว่ยคือใคร รายนี้ก็มาเสริมพาร์ทดราม่าให้เข้มข้นและน่าสนใจขึ้นอีกพอตัว แล้วก็ Blackie Ko (Ko Shou-Liang) ในบทลุงเสี่ยวเฮย ที่ชักชวนให้กงเหว่ยเข้าแก๊งของโปกวง รายนี้ก็แสดงได้เจ๋งน่ะครับ ดูเป็นนักเลง แต่ก็ยังมีน้ำใจ ผมชอบท่าทางเวลาลุงเขาพยายามช่วยกงเหว่ยนะ คือมันดูจริงใจและสื่ออารมณ์ได้ดี ไปๆ มาๆ ผมเลยชอบตัวละครนี้ครับ
ในแง่แอ็คชั่นนี่จัดว่ามันส์ใช้ได้เลยครับ มันส์หลายรอบด้วย ทั้งฉากบู๊ประปรายไล่มาจนถึงซีนบู๊ใหญ่ๆ อย่างตอนยิงถล่มกันในร้านเรือนกระจกนั่น ทั้งคิวบู๊คิวสตันท์คิวถล่มทำได้น่าจดจำ ต่อด้วยซีนที่กงเหว่ยต้องลุยกับโปกวงและพวกทั้งในตรอกและในช่วงไคลแม็กซ์ตอนท้าย แต่ละฉากนี่คืออย่างมันส์ครับ โดยเฉพาะตอนท้ายนี่แต่ละคนออกลีลาบู๊กันแบบกระหน่ำมาก ไม่ว่าจะหลี่เหลียนเจี๋ย, ยวี๋หรงกวง, Collin Chou และ หลอฮุยกวง (Lo Wai-Kwong)
ที่สะใจสุดก็คงเป็นตอนที่กงเหว่ยกับเสี่ยวกูบู๊ร่วมกันน่ะครับ ซีนนั้นทั้งมันส์ทั้งลุ้น ดูแล้วอารมณ์มันได้จริงๆ
อีกอย่างที่ชอบแบบคาดไม่ถึงคืองานถ่ายภาพของ Lau Moon-Tong ซึ่งอยู่ในขั้นดีเลยครับ โดยเฉพาะซีนที่ฟ่งสะกดรอยเสี่ยวกูกลับบ้าน ซีนที่ว่านี้จับภาพบรรยากาศชุมชนแบบจีนๆ ออกมาได้สวยทีเดียว และระหว่างดูก็รู้สึกครับว่าซีนบู๊กล้องก็จะฉับไว ครั้นถึงซีนดราม่าภาพก็จะมานิ่งๆ ถ่ายเนิ่บๆ ให้คนดูค่อยๆ ซึมซับอารมณ์ไป ซึ่งคนอื่นจะซึมหรือไม่นี่ก็ไม่รู้น่ะนะครับ แต่ผมนี่ก็ถือว่าซึมในระดับหนึ่ง ดูแล้วมันสัมผัสได้ถึงความลำบากของครอบครัวกงเหว่ยจริงๆ น่ะครับ และคงเพราะอย่างนั้นผมถึงรู้สึกบวกกับหนังเยอะอยู่
มารู้ตอนดูว่าบทหนังนั้น หวังจิ้ง เขาเขียนครับ (ร่วมกับ Sandy Shaw) คือมันก็อาจดูเป็นการผูกเรื่องแบบง่ายๆ ซื่อๆ นะ แต่ก็ชัดเจนดี แล้วก็ต้องชมคนถ่ายทอดด้วยล่ะครับ ซึ่งหนังก็ได้ หยวนขุย (Corey Yuen) มากำกับ เรื่องนี้ถือเป็นงานที่เวิร์กเรื่องหนึ่งของเขาเลย ดูสนุกดูเพลิน ช่วงแอ็คชั่นก็เข้าท่า ดราม่าก็เข้าที แม้จะไม่ถึงกับสุดยอดแต่ก็ตอบโจทย์ในแง่ความบันเทิงได้ อ้อ และหยวนขุยก็ยังโผล่มาในหนังด้วยครับ เป็นบาร์เทนเดอร์ในร้านเรือนกระจกนั่นแหละ
ผมคงหาโอกาสดูซ้ำอีกน่ะครับ ดูแล้วมันส์สาแก่ใจ ดาราแสดงกันได้ดี บทก็ถือว่าใช้ได้ ก็เป็นหนังบู๊ฮ่องกงอีกเรื่องที่แนะนำครับ – มีเกร็ดเล็กๆ ด้วยว่าตอนที่หนังไปฉายทางทีวีที่อังกฤษเป็นครั้งแรกนั้น มียอดผู้ชมดูกว่า 1 ล้านคนทีเดียวครับ
สองดาวครึ่งครับ
(7/10)












