ภาคสามปิดท้ายไตรภาคครับ คราวนี้แอมเบอร์ (Rose McIver) กับกษัตริย์ริชาร์ด (Ben Lamb) แห่งอาณาจักรอัลโดเวียกำลังจะมีรัชทายาทตัวน้อยๆ และในช่วงเดียวกันนั้นเองอัลโดเวียยังมีพิธีต่อสนธิสัญญาสันติภาพกับอาณาจักรเพนเกลียอีกด้วย แต่ทีนี้ตัวสัญญาดันหายไปอย่างลึกลับ ทำให้ทุกคนต้องรีบตามหาสัญญานั้นคืนมาก่อนเวลาจะหมดลง

ภาคนี้ผมว่าพอๆ กับภาค 2 ครับ คือดูได้เพลินๆ ตอบโจทย์ความบันเทิงได้บ้าง แต่ขณะเดียวกันหนังก็ยังไม่สุดครับ เพราะจริงๆ ด้วยพล็อตแล้วภาคนี้นี่น่าจะมีเรื่องราวที่เข้มข้นกว่าทุกภาค เพราะมีเรื่องสนธิสัญญาระหว่างอาณาจักร ไหนจะเรื่องคำสาปอีก แล้วบวกด้วยการหาตัวคนร้ายสไตล์ Whodunit แต่หนังก็ยังไม่สุดครับ ยังปรุงรสพล็อตในส่วนต่างๆ ได้ไม่ออกรสแบบเต็มๆ

พลังสำคัญที่ช่วยหนังไว้ก็คือฉากสวยๆ ปราสาทงามๆ แล้วก็เหล่าดาราที่แท็กทีมกันมาตั้งแต่ภาคแรก มาภาคนี้แต่ละคนก็ยังช่วยประคองตัวหนังได้อยู่ ไม่ว่าจะคู่พระนาง (ที่แน่นอนว่า McIver จะดูเด่นกว่าอยู่แล้ว), Alice Krige ในบทควีนเฮเลน่า, Honor Kneafsey ในบทเจ้าหญิงเอมิลี่, Sarah Douglas ในบทมิสซิสเอเวอริล, Richard Ashton ในบทคุณลิตเติ้ล และที่ขาดไม่ได้คือ Theo Devaney ในบทไซม่อนที่คอยขโมยซีนเป็นพักๆ

แล้วภาคนี้ก็มีตัวละครใหม่อย่างกษัตริย์ไท (Kevin Shen) และราชินีหมิง (Momo Yeung) แห่งอาณาจักรเพนเกลีย ซึ่ง 2 คนนี้ก็ช่วยเสริมอะไรๆ ได้พอสมควรในบางวาระ

ผู้กำกับก็คือ John Schultz จากภาค 2 นั่นแหละครับ เลยไม่แปลกที่อารมณ์และอะไรหลายๆ อย่างจะพอๆ กัน ในแง่ความเพลินมันก็พอได้นั่นแหละครับ แต่ก็อย่างที่บอกว่าถ้าเสริมความเข้มข้นมากเข้าไปอีก เสริมความลึกซึ้งเพิ่มเข้าไปอีก ภาคนี้น่าจะสนุกที่สุดเลยก็ว่าได้

และระหว่างดูก็ยังแอบรู้สึกถึงความไม่สมเหตุผลบางอย่างครับ ง่ายๆ เลยอย่างตอนท้ายที่ควีนเฮเลน่าและเจ้าหญิงเอมิลี่ต้องลงไปคุกใต้ดินเพียง 2 คน ก็ให้สงสัยล่ะครับว่าจะไม่มีข้าราชบริพารคนอื่นๆ เข้าอารักขาเลยรึ ปล่อยให้องค์ราชินีกับเจ้าหญิงผจญคุกมืดๆ ตอนปราสาทกำลังเกิดเรื่องเนี่ยนะ – แต่พอคิดเรื่องนี้ได้สักพักก็ต้องสะบัดหัวครับ พยายามเลิกคิดเพราะคิดไปก็เท่านั้น 555 ก็หนังเขาจะมาแบบนี้น่ะเน้อะ

สรุปคือภาคนี้ก็ดูได้ตามสไตล์น่ะครับ ใครตามดูตามชอบมาแล้ว 2 ภาค ภาคนี้ก็น่าจะโอเคอยู่ ส่วนผมก็ตามดูตามหน้าที่ ถ้าถามว่าชอบไหมก็ยังไม่ถึงกับชอบ แต่ก็ดูได้เพลินๆ ตามแบบฉบับหนังรอมคอมวันคริสต์มาส แต่ก็รู้สึกเสียดายอย่างที่บอกน่ะแหละครับ ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผู้กำกับ หรือเพราะหนังมันถูกกำหนดว่าต้องจบภายในชั่วโมงครึ่ง เลยเล่นอะไรไม่ได้มาก – แต่ถ้าไม่คิดมาก ผมว่าภาคนี้ก็ดูเพลินๆ น่ะครับ

สองดาวครับ

(6/10)