
เมื่อซานตาคลอส (J.K. Simmons) โดนลักพา ปฏิบัติการตามช่วยซานต้าจึงเริ่มต้น โดยมีคัลลัม ดริฟต์ (Dwayne Johnson) หัวหน้าหน่วยคุ้มกันแห่งขั้วโลกเหนือและแจ็ค โอ’มัลลี่ย์ (Chris Evans) ยอดแฮคเกอร์และหัวขโมยตัวดีมาร่วมทีมกันเพื่อกอบกู้วันคริสต์มาส
หนังดูเพลินๆ ครับ เอามันส์เป็นหลัก ในแง่งานสร้างก็ยอมรับล่ะครับว่าทุ่มทุนน่าดู ได้ข่าวว่าลงไปกว่า $350 ล้าน ดังนั้นงานสร้างก็นับว่าใหญ่อยู่ ช่วงต้นๆ ก็เล่าได้สนุกดีครับ ตอนแรกก็แนะนำตัวละครกันไป ให้รู้ที่มาของแจ็ค ให้เราได้รู้จักซานต้า แล้วก็เห็นคาแรคเตอร์ของคัลลัม จากนั้นก็มาถึงตอนลักพาซานต้า ช่วงนี้ก็ถือว่ามันส์ใช้ได้อยู่
แล้วก็ไล่มาถึงตอนที่หน่วยของโซ (Lucy Liu) ต้องตามหาตัวแจ็ค ผมชอบตอนที่แจ็คโดนไล่ล่าแล้วเขาก็หนีไปห้องคนอื่น แล้วก็มีการลวงคนที่มาตามล่าด้วยการปัดม่่านลูกป้ดล่อให้คนที่ตามมาหลงคิดว่าเขาวิ่งผ่านม่านลูกปัดไป แต่จริงๆ พี่แกหนีไปอีกทางหนึ่ง อันนี้ดูพี่แกฉลาดใช้ได้ แล้วพอแจ็คต้องเจอกับคัลลัมก็ยังทำได้โอเค ยังเพลินๆ ฮาๆ ตามสไตล์
แต่รู้สึกว่าหนังมันเริ่มสโลว์เอาตอนที่คัลลัมกับแจ็คออกตามรอยหาซานต้าน่ะครับ ไม่ว่าจะตรงริมชายหาดหรือตอนที่ต้องไปสืบข่าวกับน้องของซานต้า ช่วงนี้รู้สึกเรื่อยๆ ดีกรีความน่าติดตามและเร่งเร้าไม่มากเท่าตอนต้น แล้วหนังก็จะมามันส์อีกทีตอนท้ายเมื่อคัลลัมและแจ็คต้องสู้กับตัวร้ายที่อยู่เบื้องหลัง
ยอมรับว่าเผื่อใจไว้ก่อนดูครับ ตั้งแต่รู้ว่าคนกำกับคือ Jake Kasdan แห่ง Jumanji: Welcome to the Jungle และ Jumanji: The Next Level ซึ่งหนังทำเงินและหลายท่านอาจชอบนะ แต่ผมก็รู้สึกว่าหนังมันยังไม่สุด ไม่ว่าจะ 2 เรื่องนั้นหรือเรื่องนี้ คือมันดูตอบโจทย์บันเทิงได้น่ะครับ ดูเอามันส์เอาเพลินได้อยู่ แต่มันยังไม่สนุกแบบสุดๆ โดยส่วนตัวผมมองว่างานของเขายังขาดลูกเล่นระหว่างทาง พวกอารมณ์ขันหรือลีลาการสร้างความระทึกเร้าใจ อะไรเหล่านี้ยังไม่เต็มที่นัก

อีกอย่างที่รู้สึกระหว่างดูก็คือสีสันในเรื่องดูยังไม่เยอะเท่าไร ทั้งที่นี่เป็นหนังคริสต์มาสน่ะครับ แต่สีสันแสงไฟอะไรต่างๆ ยังไม่เด่นนัก ส่วนหนึ่งก็คงเพราะสถานที่ที่พวกตัวเอกไปสืบมันดูแห้งๆ แล้งๆ ด้วย ไม่ว่าจะตรงชายหาดหรือที่อยู่ของน้องซานต้า อันนี้ก็พอเข้าใจได้ แต่กระนั้นพวกฉากในเมืองขั้วโลกเหนือก็ยังสีสันไม่เด่นเหมือนกันครับ ไม่เหมือนในหนังเรื่องอื่นๆ อย่าง The Santa Clause หรือ The Christmas Chronicles ที่บรรยากาศกับโทนตามสถานที่ต่างๆ จะดูสีสวยสมกับวันคริสต์มาสมากกว่า – อันนี้ยอมรับว่าเรื่องมากตามประสาคนชอบดูหนังวันคริสต์มาสน่ะครับ พอขาดสีสันตรงนี้ไปก็พลอยทำให้รู้สึกว่ามันยังคริสต์มาสแบบไม่เต็มที่เท่าไร
แต่โดยรวมก็ถือว่าสนุกแบบตอบโจทย์บันเทิงได้อยู่ครับ และจุดที่ผมชอบสุดคงยกให้ประเด็นที่แทรกลงในหนังเกี่ยวกับการที่สังคมทุกวันนี้คนเราเห็นแก่ตัวกันมากขึ้น แก่งแย่งแข่งขันชิงเหลี่ยมกันมากขึ้นจนไม่แปลกหากคัลลัมจะรู้สึกสูญเสียศรัทธาไป และขณะเดียวกันหนังก็สอนเราไปในตัวครับ ว่าจะดีจะชั่วมันก็อยู่ที่ตัวเรานั่นแหละ สังคมจะเป็นอย่างไรมันก็คือมวลรวมที่เกิดจากการกระทำของแต่ละคน ดังนั้นหากแต่ละคนพยายามเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น สังคมมันก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงตามไปได้
และการเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นนั้น ก้าวแรกที่สำคัญเลยก็คือ เราต้องยอมรับตัวเองก่อนครับว่าเราเป็นคนแบบไหน ถ้าดีอยู่แล้วก็ดี แต่ถ้ามีจุดพร่องจุดที่ควรปรับ เราก็ต้องเริ่มจากยอมรับซะก่อนว่าเราเป็นแบบนั้นนะ เช่น เราพูดไม่คิดบ่อยๆ หรือเปล่า, เราเห็นแก่ตัวมากไปหรือเปล่า, เราหาข้ออ้างเพื่อสนับสนุนในยามที่เราทำผิดหรือเปล่า ฯลฯ เริ่มจากตรงนี้ก่อนครับ แล้วจากนั้นก็ค่อยพยายามหาทางปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเอง
แม้เราอยากจะเปลี่ยนตัวเอง แต่ตราบใดเราไม่ยอมรับว่า “เราเป็นแบบนั้น” มันก็เหมือนเราคิดจะยิงธนูแต่ไม่ยอมง้างธนูน่ะครับ แล้วเมื่อไรเราถึงจะยิงเข้าเป้าได้?
ผมก็ชอบประเด็นนี้แหละ สามารถเอามาประกอบการสอนลูกได้อย่างดีทีเดียว
สรุปว่าหนังโอเคครับ สนุกดี เพลินดี มีสาระแทรก แม้มันจะยังไม่สุดก็เถอะ แต่ก็ไม่ผิดหวังนะ
ปล. Kiernan Shipka น่ารักเสมอครับ 5555
สองดาวกว่าๆ ครับ
![]()
(6.5/10)
หมวดหมู่:Action, Adventure, Christmas Movies, Comedy, Fantasy, Movie Reviews










