
สารภาพว่าตอนแรกก็แอบกลัวเหมือนกันครับว่าเรื่องนี้จะไปเน้นที่การโชว์หุ่นของพระเอกเป็นหลักจนลืมประเด็นอื่นๆ แบบเดียวกับ The Merry Gentlemen หรือเปล่า ซึ่งในเรื่องนี้พระเอก Dustin Milligan ก็ได้โชว์หุ่นเยอะอยู่นั่นแหละครับ แต่ยังดีที่หนังมีจุดโอเคอื่นๆ มาถ่วงดุล ทำให้หนังพอจะมีอะไรให้พูดถึงบ้าง
พล็อตก็มาแบบแฟนตาซีเลยครับ เมื่อจู่ๆ หุ่นหิมะปั้นรูปหนุ่มหล่อดันมีชีวิตเป็นคนขึ้นมา (Milligan) แล้วเขาก็ตกหลุมรักแคธี่ (Lacey Chabert) ม่ายสาวที่เอาผ้าพันคอมาผูกให้กับเขาตั้งแต่ตอนยังเป็นหุ่น แต่ว่าแคธี่นั้นยังคงคิดถึงคนรักที่จากไปอยู่ และเธอก็เป็นคนที่ให้คุณค่ากับคำว่า “รัก” อย่างมหาศาล แล้วแบบนี้พ่อหนุ่มหิมะที่กลายเป็นคนจะสามารถชนะใจเธอได้ไหม? – จริงๆ ก็เดาได้ไม่ยากน่ะนะครับ
หนังจัดว่าดูได้แบบเรื่อยๆ ครับ พลังสำคัญของหนังต้องยกให้การแสดงแบบเกินร้อยของ Milligan ครับ พี่ท่านเล่นได้ดีมาก คือดูเป็นหนุ่มบ้าพลังที่มีจิตใจงดงามประหนึ่งเด็กน้อยและสดใสแบบสุดๆ ยอมรับว่าตอนแรกจำเขาไม่ได้จนกระทั่งดูไปสักพักถึงตระหนักว่าเขาคนนี้เคยเล่นใน Schitt$ Creek ซึ่งบทจะค่อนข้างนิ่งกว่านี้ แต่มาเรื่องนี้นี่พี่ท่านดูเด่นจริงๆ ครับ และเพราะเขานี่แหละที่ทำให้หนังดูน่ารักขนาดนี้ – แต่ผมก็เข้าใจนะถ้าหากจะมีคนรู้สึกว่าพี่แกเล่นล้นไป อันนี้ก็คงแล้วแต่ความชอบล่ะครับ แต่สำหรับผมนี่เขาเล่นได้ดีและถึงมากๆ
ในขณะที่ Chabert ก็ดูจะโดน Milligan ขโมยซีนไปเยอะอยู่ครับ จริงๆ ก็พอเข้าใจนั่นแหละว่าบทกำหนดให้เธอยังจมอยู่กับความเศร้ากับการสูญเสียคนรัก การแสดงออกของเธอเลยค่อนข้างนิ่งๆ ช้าๆ แต่อย่างน้อยพอถึงซีนอารมณ์เธอก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ แต่ก็ต้องพูดตามตรงในฐานะที่ดูหนังของเธอมาเยอะว่า เธอค่อนข้างเหมาะกับบทประเภทสาวมั่นหรือสาวสดใสอะไรเทือกนั้นมากกว่า
พอดูหนังจบผมก็นั่งนิ่งๆ แล้วก็ถามตัวเองอยู่พักหนึ่งครับว่าตกลงรู้สึกยังไงกับหนังเรื่องนี้ คือมันมีทั้งส่วนที่ชอบและส่วนที่รู้สึกว่ายังดีได้อีก ซึ่งส่วนที่ชอบนี่ก็ยกให้การแสดงโคตรสดใสของ Milligan จนผมพูดได้เต็มปากว่าเพราะพี่เขานี่แหละที่ทำให้ผมอยากดูหนังไปจนจบ ในขณะที่ตัวเรื่องก็ถือว่ากลางๆ จริงๆ ผมชอบบทสรุปของหนังนะครับเมื่อชาวเมืองรวมใจกันทำอะไรที่น่ารักๆ ในตอนท้าย แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกครับว่าถ้าสิ่งเหล่านี้มีกระจายๆ อยู่ตลอดเรื่องมันก็คงดี ประเภทว่าให้ชาวเมืองแสดงความน่ารักกับแจ็ค หรือไม่ก็ให้แจ็คมีปฏิสัมพันธ์น่ารักๆ กับชาวเมืองมากกว่านี้ ผมว่าตอนท้ายมันจะเป็นอะไรที่ Impact มาก เพราะเท่าที่เป็นนี่ผมว่าก็ชวนประทับใจอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าปูประเด็นเชิงบวกเหล่านี้มาอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ต้น ผมว่าหนังจะต้องสมบูรณ์ยิ่งขึ้นกว่านี้แน่ๆ

แต่เท่าที่เป็นนี่ก็ทำเอาภรรยาผมเสียน้ำตาแล้วครับ ส่วนผมนี่ก็อย่างที่บอกน่ะ ถ้าหนังปูพื้นปูพรมประเด็นนี้มาเรื่อยๆ ล่ะก็ น้ำตาผมได้ไหลหนักแน่ เพราะมันเป็นบทสรุปที่เหมาะกับความเป็นหนังคริสต์มาสมากๆ
และถ้าจะมีอะไรที่ผมไม่ชอบนักก็คงเป็นบทนายอำเภอ (Craig Robinson) น่ะครับ ซึ่งผมก็เข้าใจนั่นแหละว่าบทนี้มีเพื่อให้เกิด Conflict ตอนท้าย เพียงแต่พี่แกดูน่ารำคาญไปหน่อยครับ แต่ก็พูดยากนะ คือจะบอกให้เขาน่ารำคาญน้อยกว่านี้ก็คงไม่ได้ เพราะบทนี้มันก็คงต้องประมาณนี้ ไม่อย่างนั้นคงดูไม่น่าเชื่อเท่าไรในตอนก่อ Conflict ในตอนท้าย – สรุปคือรำคาญหน่อย แต่ก็เข้าใจน่ะครับ
เรื่องนี้ Lauren Holly ร่วมแสดงด้วย สารภาพว่าเห็นตอนแรกผมก็จำไม่ได้นะ ต้องสักพักถึงจะจำได้ว่าเธอคนนี้คือนางเอก Dumb and Dumber เมื่อ 30 ปีก่อน – แล้วก็ย้อนคิดว่าเราเองก็อายุเยอะไม่น้อยเหมือนกันครับ ลองว่าทันดูเธอแสดงในสมัยนั้นน่ะ 555
หนังกำกับโดย Jerry Ciccoritti ที่ผมจำเขาได้จากผลงาน Graveyard Shift หนังแวมไพร์แนวสยองเมื่อปี 1986 แล้วก็หนังรักวันคริสต์มาสเรื่อง Angel Falls Christmas (ที่ Chad Michael Murray แสดงคู่กับ Jessica Lowndes) สำหรับเรื่องนี้ผมว่าเขาก็ยังเหมือนเดิมครับ คือทำหนังดูได้นั่นแหละ แต่จะยังไม่สุด บางอย่างก็ยังดีได้อีก บางอย่างที่ควรเน้นก็ไม่เน้นสักเท่าไร และลูกเล่นก็ยังไม่มากนัก – ว่าตามจริงผมว่าที่หนังสนุกนี่ก็เพราะดาราช่วยกันน่ะครับ โดยเฉพาะ Milligan นี่ถือว่าเป็น เดอะ แบก เลยล่ะ แต่ถ้ามองที่ตัวหนังจริงๆ ที่การเล่าเรื่อง ก็ถือว่ายังดีได้อีกครับ
เกร็ดที่อยากเล่าคือ Milligan เล่าเอาไว้ว่า เขาแสดงบทแจ็คโดยได้แรงบันดาลใจมากจากการแสดงของ Will Ferrell จากเรื่อง Elf, Daryl Hannah จากเรื่อง Splash, Jennifer Garner จากเรื่อง 13 Going on 30 และ Tom Hanks จากเรื่อง Big ครับ ซึ่งก็ถือว่าเขาทำได้ดีเลยล่ะ
สรุปคือผมประทับใจ Milligan ครับ แล้วก็ชอบตอนไคลแม็กซ์ที่ออกแนว Feel Good แบบที่เข้าทางผมเลย ในขณะที่ตัวหนังถือว่ากลางๆ ค่อนไปทางยังกลมกล่อมและอร่อยได้อีก
สองดาวกว่าๆ บวกๆ ครับ
![]()
(6.5/10)










